แฉกลวิธียักยอกทรัพย์สินสมเด็จพระวันรัตโดยฝีมือคนใกล้ชิด ใช้อุบายหลอกขณะอาพาธให้ลงลายมือในใบถอนเงินออกจากบัญชีวัดวชิรธรรมมาราม วัดสาขาของวัดบวรนิเวศวิหารที่อยุธยา เอามากรอกตัวเลขตามที่ต้องการแล้วถอนออกมาประมาณ 80 ล้านบาท กระทั่งวัดตรวจพบการทุจริต นำเรื่องแจ้งกองปราบฯจับกุมดำเนินคดี 4 ข้อหา พร้อมยึดทรัพย์สินรถหรู หลายยี่ห้อ พระเครื่องทองคำ กระเป๋าแบรนด์เนม เงินฝากในบัญชีและอสังหาริมทรัพย์มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เผยวัดบวรนิเวศฯตรวจพบทรัพย์สินสมเด็จฯถูกยักยอกเช่นเดียวกันอีก 110 ล้านบาท เข้าแจ้งกองปราบฯเมื่อ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมยอดความเสียหายของวัดทั้ง 2 แห่ง 190 ล้านบาท

กรณีสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ผู้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะสนองงานในสมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร มรณภาพ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.65 ปรากฏว่าคณะกรรมการวัดฯตรวจสอบพบคนสนิทสมเด็จพระวันรัตยักยอกเงินของวัดบวรนิเวศวิหารและวัดสาขา นำไปใช้ส่วนตัวเป็นเงินจำนวนมากกว่า 80 ล้านบาท และถูกตำรวจกองปราบฯจับกุมได้ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 3 เม.ย. วัดบวรนิเวศวิหารได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ด้วยสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 15 มี.ค.65 มีการตรวจสอบทรัพย์สินและบัญชีของวัดบวรฯกับของวัดอื่นๆ ที่อยู่ในความดูแลของเจ้าประคุณสมเด็จฯ พบหลักฐานว่ามีบุคคลกระทำการโดยมิชอบนำทรัพย์สินและเงินในบัญชีของวัดไปเป็นของตนเองโดยทุจริตจึงมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ และเจ้าพนักงานตำรวจกองปราบปรามได้กระทำการจับกุมผู้กระทำความผิดไปเรียบร้อยแล้ว คดีอยู่ในระหว่างการฝากขังชั้นสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จึงแถลงมาเพื่อทราบ

...

วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า คดีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามถือสำนวนคดีและเรียกประชุมชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวนไปแล้ว ได้ตรวจสอบจนพบว่ามีการยักยอกเงินของสมเด็จพระวันรัต และบัญชีของวัดเกี่ยวกับการบูรณะวัดบวรนิเวศฯและวัดสาขาจริง บุคคลดังกล่าวเป็นลูกศิษย์คนสนิทรายหนึ่งที่ใกล้ชิดสมเด็จพระวันรัต และเคยได้รับการแต่งตั้งเป็นไวยาวัจกร ก่อนจะจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ จากการตรวจค้นบ้านผู้ต้องหาพบทรัพย์สินจำนวนมาก อาทิ รถยนต์หรู ยี่ห้อเบนท์ลีย์ ปอร์เช่ วอลโว่ บีเอ็มดับเบิลยู เล็กซัส เงินสด และเงินฝากในบัญชี อสังหาริมทรัพย์ กระเป๋าแบรนด์เนม พระเครื่องทองคำ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ทั้งหมดนี้พนักงานสอบสวนได้ประสานงานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อดำเนินการต่อไป

จากการสอบปากคำเบื้องต้นนายเนยได้ให้การปฏิเสธ อ้างว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่สมเด็จพระวันรัตมอบให้ไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ไม่ได้ฉ้อโกงมา แต่อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่ตำรวจมีนั้นชัดเจนว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเพราะเป็นเงินที่ถูกโอนจากบัญชีวัดมาเข้าบัญชีส่วนตัวนายเนย พนักงานสอบสวนได้แจ้งดำเนินคดี 4 ข้อหา ประกอบด้วย ฉ้อโกง, ลักทรัพย์, ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และฟอกเงิน ขณะนี้นายเนย ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ หลังจากพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาลของการผัดฟ้องฝากขังครั้งแรก เนื่องจากมูลค่าทรัพย์สินที่กระทำความผิดมีมูลค่าสูงเกรงว่าจะหลบหนี

มีรายงานจากชุดสืบสวนคดีนี้ว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อปลายเดือน พ.ย.64 นายเนยใช้อุบายหลอกลวงให้สมเด็จพระวันรัต ขณะอาพาธลงลายมือชื่อในใบถอนเงิน จากนั้นได้นำใบถอนเงินฉบับดังกล่าวมาเขียนจำนวนเงินตามที่ตนต้องการ แล้วนำไปถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของวัดวชิรธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดสาขาของวัดบวรนิเวศวิหาร ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง บูรณปฏิสังขรณ์พัฒนาวัด บัญชีดังกล่าวเป็นเงินที่ผู้ศรัทธาบริจาคเพื่อพัฒนาวัด ผู้ที่จะลงนามจ่ายถอนได้คือสมเด็จพระวันรัตเท่านั้น

ต่อมาต้นเดือน ม.ค.65 นายเนยยังคงใช้อุบายหลอกลวงให้สมเด็จพระวันรัตลงลายมือชื่อในใบถอนเงินแล้วนำมาเขียนจำนวนเงินตามที่ตนเองต้องการอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้ได้ให้ผู้ใกล้ชิดสมเด็จพระวันรัตอีกคนหนึ่งนำใบถอนเงินฉบับดังกล่าวไปถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของวัดวชิรธรรมาราม แล้วให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายให้นายเนย ก่อนฝากเข้าบัญชีเงินฝากของตนเองรวม 80 ล้านบาท ต่อมาวัดวชิรธรรมารามตรวจพบการทุจริตของนายเนย เจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบฯให้ดำเนินคดีกับนายเนยตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 22 มี.ค.65

หลังจากวัดวชิรธรรมาราม เข้าแจ้งความแล้ว ด้านวัดบวรนิเวศวิหาร เชื่อว่า นายเนยน่าจะทุจริตเอาเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดของวัดบวรนิเวศฯไปด้วย พระธรรมวชิรญาณ รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร-สมุทรปราการ (ธรรมยุต) มีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินของสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศฯพบว่า สมเด็จพระวันรัต ได้เปิดบัญชีเงินฝากส่วนตัว และบัญชีที่เกี่ยวข้องกับวัดบวรนิเวศวิหารไว้กับธนาคารหลายบัญชี การตรวจสอบพบว่า เริ่มจากช่วงปลายเดือน ต.ค.64 นายเนย นำสมุดบัญชีเงินฝากหลายเล่ม และบัตรประจำตัวประชาชนของสมเด็จพระวันรัต พร้อมโทรศัพท์มือถือของนายเนย มอบให้บุคคลใกล้ชิดสมเด็จพระวันรัตอีกคนหนึ่ง ให้นำไปติดต่อกับธนาคารขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลเครื่องโทรศัพท์ที่ใช้ทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์

จากนั้น นายเนยได้ใช้โทรศัพท์มือถือของตนทำธุรกรรมโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของสมเด็จพระวันรัต และบัญชีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดบวรนิเวศวิหาร มายังบัญชีเงินฝากของตนเอง เป็นเหตุให้วัดวชิรธรรมาราม ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 80 ล้านบาทเศษ ส่วนวัดบวรนิเวศฯ เสียหายเป็นเงิน 110 ล้านบาทเศษ รวมความเสียหายทั้งสองวัด เป็นเงินทั้งสิ้น 190 ล้านบาทเศษ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายเนยในวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา

...

สำหรับนายเนย คนทั้งภายในและนอกวัดทราบดีว่าคือนายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา อดีตเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ กองโครงการธุรกิจ 2 ฝ่ายโครงการพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยใครที่จะติดต่อกับสมเด็จพระวันรัต จะต้องติดต่อผ่านนายอภิรัตน์เท่านั้น