ไฟไหม้โกดังภายในโรงงาน ไทยบำรุงเคมีเคิล ที่ผลิตพื้นรองเท้ายางระดมรถน้ำกว่า 20 คันฉีดน้ำสกัดนานกว่า 1 ชั่วโมงจึงจะคุมเพลิงได้ โดยเพลิงเผาวอดเกือบทั้งหลัง จนโครงสร้างหลังคาพังทรุดลงมา
เมื่อเวลาประมาณ 23.45 น. ของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565 พ.ต.ต.อนุพงค์ ศิริทร สารวัตรสอบสวน สภ.โคกขาม ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ภายในบริษัท ไทยบำรุงเคมีเคิล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 22/2 หมู่ที่ 2 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมกับ พ.ต.อ.สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม, พ.ต.ท.ประสพ พันธุ์แจ้ง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.โคกขาม, นายวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ และ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สมุทรสาคร ก็ได้สั่งการระดมรถน้ำดับเพลิงทั้งจากของ อบต.พันท้ายนรสิงห์ ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียงในจังหวัดสมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร รวมกว่า 20 คันเข้าระงับเหตุ
โดยบริเวณที่เกิดเหตุเป็นส่วนของอาคารโกดังชั้นเดียว ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้เก็บพื้นรองเท้ายาง เครื่องจักรสำหรับปั๊มพื้นรองเท้า ห้องอบสี และสีสำหรับทำพื้นรองเท้าจำนวนมาก ทั้งนี้จากการตรวจสอบวัตถุภายในโกดังนั้นเป็นเชื้อเพลิงที่ลุกไหม้ได้อย่างรวดเร็ว จึงเกรงว่าหากมีลมพัดแรงอาจพัดพาเชื้อเพลิงให้ลุกลามไปยังโกดังอื่นๆ ที่ตั้งอยู่แยกห่างออกไปในรั้วบริษัทเดียวกัน แต่ก็โชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดเพียงแค่โกดังที่เกิดเหตุได้
...
ขณะที่การทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนั้น ก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องด้วยไม่สามารถเปิดประตูโกดังที่เกิดเหตุเข้าไปได้ เพราะเป็นแผงประตูเหล็กที่ถูกควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ดังนั้นจึงต้องใช้อุปกรณ์ขุดเจาะมาทำลายประตู เพื่อเปิดเข้าไปฉีดน้ำภายใน ซึ่งกว่าที่จะสามารถเจาะประตูได้ ประกอบกับวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงนั้น ก็ส่งผลทำให้ไฟเผาโกดังวอดเกือบทั้งหลัง จนโครงสร้างหลังคาพังทรุดลงมา โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงจะสามารถควบคุมเพลิงให้สงบลงได้
จากการสอบถามนายวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ กล่าวว่า บริษัทแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมดโดยรวมราวๆ 10 ไร่ แต่ภายในถูกแบ่งออกเป็นโกดังๆ หลายอาคารด้วยกัน ซึ่งโกดังที่เกิดเหตุเป็นส่วนของการผลิตพื้นรองเท้ายาง ภายในมีทั้งห้องอบสี ตลอดจนสีที่ใช้อบยางรองเท้า พื้นยางรองเท้า และเครื่องจักรสำหรับปั๊มพื้นรองเท้าอีกหลายตัว โดยขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ภายใน ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นยังไม่สามารถประเมินได้ ต้องรอให้เพลิงสงบสนิทเสียก่อน
เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเสียหายเกือบทั้งหมดเพราะวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตพื้นรองเท้ายางนั้น เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี และไฟไหม้ค่อนข้างรุนแรงจนทำให้หลังคาของอาคารพังยุบลงมา หลังจากนี้ก็จะทำการประกาศเป็นพื้นที่อันตราย ห้ามบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาในบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาคารโรงงานของ อบต.พันท้ายนรสิงห์ พร้อมกับ เจ้าหน้าที่วิทยาการจากกองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาทำการตรวจสอบต่อไป ส่วนสาเหตุก็คาดว่าน่าจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจร.