จนท.ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งฯ ลงพื้นที่เก็บตัวอย่าง "น้ำทะเลสีเขียว" จากชายหาดบ้านกรูดไปตรวจวิเคราะห์ หลังตรวจเบื้องต้นไม่พบคราบน้ำมันอย่างที่กลัวกัน ด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะทะลุ ยังพานักท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการัง ชี้ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือแพลงก์ตอนบลูม เกิดทุกปีในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.

วันที่ 27 มกราคม 2565 ที่ชายหาดบ้านกรูด อ.บางสะพาน แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรูด ได้ลงสำรวจบริเวณชายหาดอีกครั้ง หลังจากเมื่อช่วงเย็นวานนี้ได้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวคล้ำ ลักษณะคล้ายปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ หรือแพลงก์ตอนบลูม ทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนสี

นายอิศรา เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อช่วงค่ำวานนี้ พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ลงพื้นที่บริเวณชายหาดบ้านกรูด และมีการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า บริเวณชายหาดไม่พบว่ามีคราบน้ำมันแต่อย่างใด หลังจากมีเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมันดีเซลอับปางบริเวณกลางทะเล ห่างจากปากน้ำชุมพรประมาณ 24 ไมล์ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 โดยช่วงเช้านี้ได้ลงสำรวจบริเวณชายหาดบ้านกรูดอีกครั้ง พบว่าน้ำทะเลยังคงมีสีเขียว แต่ไม่คล้ำเท่ากับเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี แต่ในช่วงนี้เทศบาลบ้านกรูดยังคงขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวงดการลงเล่นน้ำทะเล หรือประกอบกิจกรรมทางน้ำบริเวณชายหาดบ้านกรูดตลอดแนวเป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์อีกประมาณ 1-2 วัน

ต่อมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้ลงพื้นที่ชายหาดบ้านกรูด เก็บตัวอย่างน้ำทะเลไปวิเคราะห์ เพื่อสร้างความมั่นใจ และป้องกันผลกระทบที่จะเกิดจากการลงเล่นน้ำของผู้ที่มาพักผ่อนที่ชายหาดบ้านกรูด

...

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มติมว่า เพจ GSTIDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์กรมหาชน) ได้มีการเผยภาพจากดาวเทียม Sentinel-1 โดยพบคราบน้ำมันยังคงอยู่บริเวณเขตจังหวัดชุมพร โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 เวลา 18.36 น. พบคราบน้ำมันลอยบริเวณชายฝั่งจังหวัดชุมพร ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มน้ำมันจากตำแหน่งที่เรืออับปาง (ดาวสีแดง) เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 ไหลย้อนขึ้นไปทางทิศเหนือ (กรอบสีเหลือง) ระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร โดย GISTDA ได้คาดการณ์การเคลื่อนตัวและทิศทางของคราบน้ำมันไปจนถึงวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 ด้วยระบบ Geo-Spatial for Maritime System หรือ GMaS พบว่า คราบน้ำมันมีแนวโน้มเคลื่อนที่ไปทางทิศเหนือค่อนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ (เส้นสีน้ำเงิน) ทั้งนี้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ทาง GISTDA จะส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้วางแผนติดตามตรวจสอบในพื้นที่ต่อไป

ด้านนายประจักษ์ ทองรัตน์ เจ้าของธุรกิจเรือนำเที่ยว-ดำน้ำ เกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย เปิดเผยว่า จากปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีที่เกิดขึ้น ยังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจนำเที่ยวที่ดำเนินการอยู่ ในวันนี้ยังคงเปิดบริการเรือนำเที่ยวพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำดูปะการังบริเวณเกาะทะลุตามปกติ ปรากฏการณ์ที่น้ำทะเลเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวเข้มขึ้นนั้น ถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกกันว่า “แพลงก์ตอนบลูม หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ” ซึ่งเกิดขึ้นเสมอในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี

สำหรับทะเลในพื้นที่ อ.บางสะพานน้อย ซึ่งถือเป็นเขตรอยต่อติดกับจังหวัดชุมพร ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีคราบน้ำมันลอยมาจากเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่อับปางที่ จ.ชุมพรแต่อย่างใด โดยทางผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวในพื้นที่ได้ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้มีการช่วยกันสอดส่องดูแลหากพบความผิดปกติ หากพบคราบน้ำมันลอยมาในปริมาณมากๆ ทางผู้ประกอบการก็จะมีการประสานแจ้งเจ้าหน้าที่และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยทันที.