หนุ่มใหญ่อดีตผู้สมัคร ส.ท. รัวฆ่าเหี้ยมพี่เขย พี่สาว และยิงหลานชายขาทะลุคาบ้าน สาเหตุขัดแย้งเรื่องขโมยต้นไม้ราคาแพงลิบ “กล้วยด่างอินโดฯ” ต้นเดียว หลังขอร้องให้ถอนแจ้งความแต่ไม่สำเร็จ ก่อนเกิดเหตุกินเหล้าย้อมใจจนเมาได้ที่ ควงปืน 9 มม. บุกบ้านเหยื่อ ยิงหลานชายฟุบ พี่เขยคว้าท่อนเหล็กเข้าช่วย กระหน่ำยิงพรุน 7 นัด พี่สาวเปิดประตูห้องออกมาซัดเข้าตาล้มทั้งยืนก่อนหนีกลับบ้าน ตำรวจต้องให้เมียช่วยกล่อมจนยอมมอบตัวพร้อมปืนถูกยิงจนกระสุนเกลี้ยงแมกกาซีน ให้การรับสารภาพสิ้นไส้แต่ไม่ยอมไปทำแผนฯ เพราะกลัวโดนประชาทัณฑ์
หนุ่มใหญ่รัวฆ่าโหดพี่เขย พี่สาว และยิงหลานชายขาทะลุ เพราะทะเลาะเรื่องขโมยกล้วยด่างราคานับแสนบาทรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 4 ธ.ค. พ.ต.ท.วีรวิทย์ ลภัสจารุสกุล สว. (สอบสวน) สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายในบ้านเลขที่ 59 หมู่ 2 ต.นครปฐม พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระนานนท์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.อ.อรรถการ กองสุผล ผกก.สส.ภ.จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 แพทย์เวร รพ.นครปฐม นำกำลังและเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม รุดไปสอบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด บนพื้นห้องโถงพบศพนายคุณากร ปัญญาเตรียม อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน ถูกยิงด้วยปืน 9 มม. เข้าลำตัวพรุน 7 นัด เลือดทะลักนองพื้น ในห้องนอน ติดกันพบศพนางสุกัญญา ภู่แก้ว อายุ 48 ปี ภรรยา ถูกยิงเข้าเบ้าตาซ้ายทะลุแก้มขวา 1 นัด คนเจ็บชื่อนายฆนากร ปัญญาเตรียม อายุ 25 ปี ลูกของผู้ตาย ถูกยิงเข้าต้นขาขวาทะลุ 1 นัด นั่งอยู่กับพื้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่ง รพ.นครปฐม ในที่เกิดเหตุมีปลอกกระสุนปืน 9 มม. ตกเกลื่อน 16 ปลอก ชิ้นส่วนหัวกระสุน 6 ชิ้น เก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนคนร้ายชื่อนายสมเจตน์ ภู่แก้ว อายุ 35 ปี เป็นน้องชายของนางสุกัญญา ผู้ตาย และเป็นอดีตผู้สมัครสมาชิกสภาพเทศบาลเมืองนครปฐม แต่สอบตก หลังเกิดเหตุซ่อนอยู่ภายในบ้านติดกัน ตำรวจขอให้นางประวีณา วงษ์คงคำ ภรรยามือปืน ช่วยเกลี้ยกล่อมนานร่วมชั่วโมงจึงยอมมอบตัวพร้อมปืน 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุ แต่ไม่มีกระสุนเนื่องจากถูกยิงไปจนเกลี้ยงแมกกาซีน
...
สอบสวนนายฆนากร เหยื่อกระสุน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนนอนดูทีวีอยู่ในห้องโถง พ่อแม่พักผ่อนอยู่ในห้องนอน นายประภาวุธ ภู่แก้ว พี่ชายต่างบิดา ออกไปสังสรรค์กับเพื่อน ส่วนนายสมเจตน์ มีศักดิ์เป็นน้า นั่งกินเหล้ากับภรรยาอยู่หน้าบ้านของนายสมเจตน์จนเมาเริ่มด่าทอครอบครัวตน แต่ไม่ได้ให้ความสนใจ กระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วกั้นระหว่างบ้านของตนกับบ้านนายสมเจตน์ ลุกขึ้นมองเห็นนายสมเจตน์ถือปืนเดินปรี่เข้ามาในบ้าน ก่อนลั่นไกยิงใส่ตน 1 นัด พ่อได้ยินเสียงปืนถือท่อนเหล็กวิ่งออกจากห้องนอนมาช่วย กลับถูกนายสมเจตต์กระหน่ำยิงอย่างไม่นับจนตายคาที่ ขณะที่แม่เปิดประตูห้องนอนออกมาก็ถูกยิงเข้าเบ้าตาล้มทั้งยืนตายไปอีกราย จากนั้นนายสมเจตน์ก็วิ่งหนีกลับบ้านไป ตนโทรศัพท์ไปบอกพี่ให้มาช่วยเหลือ
นายประภาวุธ ภู่แก้ว ให้การเพิ่มเติมว่า เดิมบ้านตนกับบ้านนายสมเจตน์ปลูกในที่ดินแปลงเดียวกัน เลขที่บ้านเดียวกัน มีเรื่องกันจนต้องกั้นรั้วแบ่งพื้นที่ และนายสมเจตน์เคยตีพ่อของตนจนหัวแตก มาแล้ว ส่วนปมขัดแย้งที่อาจเป็นชนวนสังหารน่าจะมาจากเรื่องต้นกล้วยด่างพันธุ์อินโดนีเซีย ราคาต้นละ 2 แสนบาท หายไปเมื่อ 2 เดือนก่อน สอบถามนาย สมเจตน์สงสัยว่าเอาไป กลับปฏิเสธเสียงแข็ง แถม ขู่ว่าจะฆ่าให้ตายทั้งครอบครัวหากกล่าวหานายสมเจตน์ ตนไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครปฐม นายสมเจตน์พยายามเจรจาให้ถอนแจ้งความพร้อมจะนำต้นกล้วยด่างมาคืน พ่อของตนบอกว่าไม่ต้องมาเคลียร์ให้เป็นเรื่องของตำรวจ เชื่อว่าหากตนอยู่ในบ้านคงถูกยิงด้วย
สอบสวนนายสมเจตน์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนยิงผู้ตายและคนเจ็บเพราะเครียดเรื่องคดีลักทรัพย์ต้นกล้วยด่าง ศาลจังหวัดนครปฐมนัดไต่สวนในวันที่ 22 ธ.ค. พยายามเจรจาแต่ไม่เป็นผล กินเหล้าย้อมใจจนเมาหวังยิงสั่งสอนหลานชาย พี่เขยคว้าเหล็กออกมาจะตีตนเลยยิงสวนไปอย่างไม่ยั้ง ส่วนพี่สาวเห็นเปิดห้องมานึกว่าจะมาทำร้ายเลยยิงใส่ไปด้วย ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่น และ พ.ร.บ.อาวุธปืน แต่นายสมเจตน์ไม่ยอมให้ตำรวจพาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เกรงถูกญาติผู้ตายรุมประชาทัณฑ์ ตำรวจเร่งสรุปสำนวนเพื่อส่งฝากขังศาลจังหวัดนครปฐมต่อไป