วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่กระชาย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2561 มีสมาชิก 50 ราย พื้นที่ปลูก 488 ไร่ นับเป็นตัวอย่างของการรวมกลุ่มที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มเกษตรกรได้ถึงปีละ 59 ล้านบาท

จากการติดตามโครงการระบบส่งเสริมเปลงใหญ่ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 จังหวัดราชบุรี (สศท.10) พบว่า ก่อนเข้าร่วมโครงการเกษตรกรมีต้นทุนการผลิตสูง ผลผลิตต่ำ ผลผลิตที่ได้มีทั้งคุณภาพดีและไม่มีคุณภาพ จึงมักถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง

แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการเกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ร้อยละ 16.67 เพิ่มผลผลิตได้ร้อยละ 30

เนื่องจากเกษตรกรได้รับองค์ความรู้ในการปรับปรุงบำรุงดิน การทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพจากวัสดุที่มีในท้องถิ่นไว้ใช้เอง ลดการใช้สารเคมี ทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรลดลง มีรายได้เพิ่มขึ้น

โดยเกษตรกรนิยมปลูกกระชายสายพันธุ์รากกล้วย ซึ่งมีลักษณะเด่น คือ รากยาว ตรงและอวบ เหมือนกับรากกล้วย ให้ผลผลิตค่อนข้างสูง น้ำหนักดี และเป็นที่ต้องการของตลาด

ในส่วนของต้นพันธุ์เกษตรกรจะเก็บพันธุ์ไว้เอง โดยการคัดเลือกกระชายที่แก่จัดอายุประมาณ 11-12 เดือน จากหัวที่สมบูรณ์ อวบใหญ่ ปราศจากเชื้อโรค เก็บไว้ในที่แห้งและเย็นประมาณ 1-3 เดือน จึงจะนำไปปลูก สำหรับดินที่เหมาะสมกับการปลูกกระชายคือดินร่วนปนทราย

การผลิตกระชายของกลุ่ม ปี 2564 พบว่า มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยไร่ละ 40,455 บาทต่อรุ่น ระยะเวลาเพาะปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว 8–12 เดือน ผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วง ม.ค.–มี.ค. ได้ผลผลิตรวม รุ่นละ 2,554 ตัน ได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 5,235 กิโลกรัม ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยไร่ละ 122,132 บาท มีผลกำไรไร่ละ 81,677 บาท

ทั้งนี้ หากคิดเป็นผลตอบแทนของทั้งกลุ่ม มีมูลค่าปีละกว่า 59 ล้านบาท

...

ผลผลิตที่ได้ส่วนใหญ่ร้อยละ 60 ส่งจำหน่ายตลาดสี่มุมเมือง รองลงมาร้อยละ 30 ตลาดศรีเมือง และอีกร้อยละ 10 ตลาดไท ซึ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีพ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อผลผลิตถึงไร่ เพราะขณะนี้กระชายเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก.

สะ-เล-เต