หลานสาว พาย่าวัย 84 ปี ร้องสื่อถูกสาวประเภทสองที่สุพรรณบุรี แอบใช้สิทธิ์เราชนะ สูญเงินกว่า 3,000 บาท คาดชาวราชบุรีกว่า 50 ราย ถูกแอบใช้สิทธิ์ พร้อมร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านเลขที่ 19/1 หมู่ที่ 2 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม เพื่อพบกับนางเบี่ยง ทองเกิด อายุ 84 ปี และนางสาวฐิติมา ทองเกิด (หลานสาว) อายุ 26 ปี โดยให้ข้อมูลว่า ตนได้ลงทะเบียนโครงการ "เราชนะ" ให้นางเบี่ยง ผู้เป็นย่า และได้รับสิทธิเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 64 เป็นจำนวนเงิน 7,000 บาท โดยต้องใช้บัตรประชาชนทุกครั้งที่ใช้สิทธิเราชนะ เนื่องจากไม่มีสมาร์ทโฟน ต่อมาได้นำบัตรของย่าไปใช้สิทธิ์ซื้อสินค้ามาใช้ แต่พบว่ามีการใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าไปก่อนหน้านี้ ตนจึงไปขอตรวจสอบกับทางธนาคารกรุงไทย สาขาโพธาราม เพื่อขอตรวจสอบข้อมูลในโครงการเราชนะ กระทั่งทราบว่า มีการใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าที่ร้าน เจ๊เอก เลขที่ 39 หมู่ที่ 3 ต.ดอนกำยาน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ไปเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 64 เป็นเงิน 2,000 บาท วันที่ 15 เม.ย.64 เป็นเงิน 1,000 บาท และวันที่ 30 เม.ย.64 เป็นเงินอีก 897 บาท รวมเป็นเงิน 3,897 บาท จึงเชื่อว่าเป็นพวกมิจฉาชีพมาสวมสิทธิ์แอบใช้เงินที่รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากโควิค-19
น.ส.ฐิติมา เล่าอีกว่า ต่อมาตนได้ติดต่อไปที่ นายนพัส พันธุ์แตง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ดอนกำยาน และทราบว่า ร้านเจ๊เอก ไม่ได้เปิดเป็นร้านค้า และทางผู้ใหญ่บ้านยังได้รับแจ้งว่า ยังมีอีกหลายคนที่ถูกแอบใช้สิทธิ์แบบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยในพื้นที่จ.ราชบุรี มีผู้ที่ถูกแอบใช้สิทธิ์มากกว่า 50 ราย เป็นชาวอ.สวนผึ้ง 3 ราย อ.ปากท่ออีกประมาณ 50 ราย และจ.นนทบุรี 1 ราย จ.สงขลา 1 ราย แต่รายที่ จ.สงขลา ได้เงินกลับคืนไปแล้ว เพราะเขาเดินทางมาติดตามเองจึงได้เงินกลับไป จนวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนจึงตัดสินใจพาญาติเดินทางไปที่ ร้านเจ๊เอก เพื่อสอบถามแต่ไม่พบเจ้าตัว โดยทางญาติอ้างว่า ไม่อยู่ไปต่างจังหวัด แต่ตนได้ชื่อนามสกุลจริงมา จึงนำไปตรวจสอบพบว่ามีตัวตนอยู่จริง และพบประวัติก่อเหตุแบบนี้หลายครั้ง
...
ต่อมา น.ส.ฐิติมาจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เขาดิน เพื่อติดตามตัวร้ายคนที่แอบมาใช้สิทธิ์โครงการเราชนะของคุณย่า แต่ทางตำรวจได้ให้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ พร้อมตนได้พยายามแจ้งหลายหน่วยงานให้ช่วยเหลือแต่ไร้ผล จนตอนนี้ตนกับคุณย่าไม่รู้หันหน้าไปพึ่งใคร แม้เงินจะไม่มาก แต่ตนอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้กับโครงการรัฐบาล ว่ายังมีพวกมิจฉาชีพมาสวมสิทธิ์ จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยตรวจสอบ ว่าโครงการนี้มีช่องโหว่ตรงไหน จึงทำให้พวกมิจฉาชีพสามารถเอาข้อมูลบัตรประชาชนคนอื่นไปใช้ได้ โดยที่เจ้าของไม่รู้ และทั้งที่บัตรประชาชนและรหัสนั้นอยู่กับผู้ถือสิทธิ ซึ่งตนอยากจะฝากถึงคนที่โดนอย่างคุณย่าของตน อย่าชะล่าใจ ว่าไม่เป็นไรๆ อยากให้ออกมารวมตัวกัน เพื่อดำเนินคดีเอาคนโกงมาติดคุกให้ได้ เพราะถือเป็นภัยสังคมอย่างมาก
ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบพบว่า เจ๊เอก เป็นสาวประเภทสอง และเป็นคนในหมู่ที่ 3 ต.ดอนกำยาน จริง แต่ไม่มีร้านค้าตามที่ได้แจ้งลงทะเบียนกับโครงการเราชนะไว้กับธนาคาร ซึ่งมีการก่อเหตุแอบใช้สิทธิ์โครงการเราชนะหลายรายแล้ว โดยจะเลือกผู้สูงอายุที่อยู่ต่างจังหวัด เรื่องนี้ผู้เกี่ยวข้องควรจะเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้มีใครตกเป็นเหยื่อได้อีก เพราะถือเป็นภัยต่อสังคมอย่างร้ายแรง