แพทย์ รพ.สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 แจงสาวโคม่าฟื้นปาฏิหาริย์ ล่าสุดมีการย้ายผู้ป่วยไปรักษาที่ห้องไอซียู โดยยังใส่ท่อช่วยหายใจ สัญญาณชีพดีขึ้น และเริ่มรู้สึกตัว

จากกรณี น.ส.ทัศนี สีสว่าง อายุ 47 ปี ผู้ป่วยที่เข้ารักษาอาการติดเชื้อในกระแสเลือด นอนรักษาที่ รพ.สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 จ.สุพรรณบุรี ห้องพิเศษ ชั้น 2 อาคาร 3 โดยแพทย์ต้องเจาะให้ยาฆ่าเชื้อในกระแสเลือดที่ไขกระดูกสันหลัง จนอาการล่าสุดดีขึ้นมาแต่แพทย์ยังอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด แต่ก่อนหน้านี้มีการสื่อสารกันภายในครอบครัวผู้ป่วยว่า ผู้ป่วยอาการทรุดหนักและเสียชีวิต แล้วเกิดปาฏิหาริย์ตายแล้วฟื้น ทำเอาญาติต่างตะลึงพากันไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พ.ค.64 ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ ที่ 17 จ.สุพรรณบุรี นพ.ศุภฤทธิ์ เฮงคราวิทย์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยนางทัศนี สีสว่าง อายุ 47 ปี ที่ได้มีการเสนอข่าวเช้าวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ทางโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 พร้อมทีมแพทย์เฉพาะทาง, ทีมพยาบาล ที่ให้การรักษา ได้มีการทบทวนกรณีดังกล่าว พบว่า ผู้ป่วยนางทัศนี สีสว่าง มารับบริการรักษาพยาบาลตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2564 นั้น มีอาการหนักและมีอาการทรุดลงเรื่อยๆ

...

ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 กล่าวต่อว่า คืนวันที่ 2 พ.ค.2564 ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ จึงได้มีการสื่อสารกับผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับการอาการของโรค ทำให้เกิดการนำเสนอข่าวในเหตุการณ์ดังกล่าว ทีมแพทย์เฉพาะทางได้ให้การรักษาอย่างเต็มที่ตลอดเวลาในขณะนี้ผู้ป่วยยังรับการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17

นพ.ศุภฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ได้มีการย้ายผู้ป่วยไปรักษาที่หอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม (ICU) โดยได้รับการรักษาพยาบาลจากทีมแพทย์เฉพาะทางอย่างเต็มที่ปัจจุบันผู้ป่วยเริ่มรู้สึกตัว สัญญาณชีพดีขึ้น แต่ยังรับการใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ต้องและขอรับประกัน มาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยอย่างมีคุณภาพ ทั้งนี้ขอบพระคุณที่ได้ให้โอกาสทางโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 ได้นำข้อเสนอข้อเท็จจริง.