รุ่นใหญ่หัวร้อนเมากร่าง ลั่นไกยิงอริรุ่นน้องสนั่นร้านข้าวต้ม เห็นคู่กรณีมานั่งดื่มกินกับญาติ ขวางหูขวางตาตะโกนถาม “มองหน้ามีปัญหาอะไร” ญาติเห็นท่าไม่ดีรีบพาซ้อนรถ จยย.กลับบ้าน แต่เหยื่อกระสุนกลับย้อนมาอีกรอบ ชะตาขาดโดนซัดด้วย 9 มม.เข้าอกขวาไปสิ้นใจที่โรงพยาบาล ตกบ่ายเมียมือปืนพาผัวพร้อมทูตมรณะเข้ามอบตัว
รุ่นใหญ่เขม่นกันในร้านข้าวต้ม ควักปืนยิงตัดสินปัญหา เหยื่อกระสุนไปสิ้นใจตายที่โรงพยาบาล เปิดเผยเมื่อเช้าวันที่ 4 เม.ย. พ.ต.ท.ธรากร สกุลปิยะเทวัญ สว.(สอบสวน) สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เดินทางไปที่ รพ.สมเด็จพระสังฆราช นครหลวง ร่วมกับแพทย์เวร ชันสูตรพลิกศพ นายยุทธนา อ่ำสำอางค์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126/1 หมู่ 2 ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงเข้าใต้ราวนมขวา 1 นัด กระสุนฝังใน แพทย์อยู่ระหว่างส่งศพไปผ่าพิสูจน์วิถีกระสุนและค้นหาหัวกระสุนปืน เก็บไว้เป็นหลักฐาน
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 3 เม.ย. พ.ต.ท.ธรากร สกุลปิยะเทวัญ สว.(สอบสวน) สภ.นครหลวง รับแจ้งเหตุยิงกันที่ร้านข้าวต้มแม่พิม ริมถนนเส้นคู่ขนานถนนสายเอเชีย ขาเข้ากรุงเทพฯ หมู่ 2 ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 คน ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครหลวง อาสาสมัครสมาคมอยุธยารวมใจ และหน่วยกู้ภัยอยุธยา ที่เกิดเหตุพบผู้ถูกยิงอาการสาหัส ญาตินำตัวส่ง รพ.สมเด็จพระสังฆราช นครหลวง ทราบชื่อนายยุทธนา อ่ำสำอางค์ อายุ 48 ปี หลังถึงโรงพยาบาลไม่นานได้สิ้นใจลงในเวลาต่อมา ตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุพบรอยเลือดหยดบนพื้น โต๊ะอาหาร 2 โต๊ะมีจานกับข้าวและขวดสุราตั้งอยู่ ในจุดเกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ ทราบชื่อผู้ก่อเหตุนายอานนท์ ประเสริฐอุทัยศรี อายุ 61 ปี ขึ้นรถ จยย.หลบหนีไป
...
นายภานุวัฒน์ คำวิไล อายุ 39 ปี น้องชายผู้ตายเล่าให้ตำรวจฟังว่า นายยุทธนากลับบ้านมาบอกว่ามีเรื่องกับนายอานนท์ ให้ออกมาช่วยหน่อย เพราะคู่กรณีมีปืนและทำท่าจะยิง ตนบอกให้ใจเย็นๆ อย่ากลับไปเดี๋ยวมีเรื่อง แต่พี่ชายไม่ฟังขี่รถ จยย.ย้อนกลับมาที่ร้านข้าวต้ม ตนขับรถยนต์ตามออกมาครึ่งทาง ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด คิดว่านายยุทธนาโดนยิงแน่ รีบขับรถมาดูพบพี่ชายถูกยิงเข้าอกขวา นอนจมเลือดหายใจรวยรินบนพื้น นำตัวใส่รถกระบะส่งโรงพยาบาลใกล้จุดเกิดเหตุ
นายศรัณยู อนันต์ทรัพย์ อายุ 34 ปี ญาติคนตายให้ข้อมูลอ้างว่า ขณะนั่งดื่มกินอยู่กับนายยุทธนา เห็นนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุนั่งดื่มกินอยู่ก่อนแล้ว พร้อมถือแก้วเหล้าเดินไปทักทายขอชนแก้วตามโต๊ะต่างๆ จู่ๆนายอานนท์ได้แสดงความไม่พอใจนายยุทธนา ตะโกนถามว่า“มองหน้าทำไม มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เนื่องจากทั้งคู่ไม่กินเส้นกันอยู่ และมีปัญหาแคลงใจกันมาหลายปี ทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันดังลั่น พยายามห้ามปรามเพราะรู้ว่านายอานนท์มีปืนและพกปืนติดตัวตลอดเวลา หากมีปัญหาอะไรกันนายอานนท์ต้องยิงแน่นอน ตัดสินใจพานายยุทธนา ซ้อนรถ จยย.กลับไปส่งบ้าน แต่นายยุทธนาย้อนกลับมาที่ร้านข้าวต้มอีกรอบ กระทั่งถูกนายอานนท์ยิง
ต่อมานางสุภาวดี ประเสริฐอุทัยศรี อายุ 52 ปี ภรรยานายอานนท์เดินทางมาที่เกิดเหตุและมาดูผู้ตายพร้อมกล่าวว่า ไม่คิดว่าสามีจะก่อเหตุยิงนายยุทธนา เนื่องจากเป็นคนรู้จักกัน ก่อนหน้านี้สามีกับนายยุทธนาไม่ถูกกันมานานหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าสามีคิดอะไรอยู่ ถึงได้ตัดสินใจทำลงไปอย่างนี้ หลังก่อเหตุสามีได้โทร.มาบอกว่าขอไปสงบสติอารมณ์ก่อน
กระทั่งเวลา 15.00 น. วันที่ 4 เม.ย. นางสุภาวดี ประเสริฐอุทัยศรี พานายอานนท์ ประเสริฐอุทัยศรี สามี พร้อมปืน 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุ เข้ามอบตัวกับพ.ต.ท.ธรากร สกุลปิยะเทวัญ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี นางสุภาวดีกล่าวว่า เมื่อทราบว่านายยุทธนาเหยื่อกระสุนของสามีเสียชีวิต รู้สึกเสียใจมาก อยากขอโทษแทนสามีด้วย และพร้อมจะดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต ส่วนเรื่องคดีความปล่อยให้เข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย
พ.ต.ท.ธรากรเผยว่า เบื้องต้นนายอานนท์ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่ายิงผู้ตายจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติมและนำผู้ต้องหาไปพิมพ์นิ้วมือและตรวจคราบเขม่าดินปืน จากนั้นจะคุมตัวผู้ต้องหาไว้ในห้องควบคุม สภ.นครหลวง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในเมืองและหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร และวันรุ่งขึ้นจะนำผู้ต้องหาส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา