รถพ่วงใช้ GPS นำทางพามุดใต้สะพานข้ามคลองสำโรง บนถนนกิ่งแก้ว-คลองขุด กลับรถ ลืมไปว่าตัวเองรถใหญ่ สุดท้ายติดออกไม่ได้ ต้องตัดขอบกระบะบรรทุกทิ้ง เสียทั้งเงินและเวลาเป็นบทเรียน มีราคาต้องจ่าย
เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 64 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีรถบรรทุกพ่วง ฮีโน่ สีขาว ทะเบียนหน้า 70-0745 นครสวรรค์ หางพ่วง ทะเบียน 70-0463 นครสวรรค์ มี นายเสกสรร อำพันทอง อายุ 37 ปี ชาวบ้าน ม.20 ต.บ้านไร่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ เป็นคนขับ โดยขับมุดเข้าไปติดค้าง กระบะพ่วงท้ายชนอัดติดใต้สะพานกลับรถข้ามคลองสำโรง บนถนนกิ่งแก้ว-คลองขุด ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จนรถไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้
เจ้าของรถจึงตัดสินใจยอมที่จะตัดขอบกระบะบรรทุกออกเพื่อให้เคลื่อนย้ายรถออกจากใต้สะพาน หลังจากทดลองทำทุกวิถีทางแล้ว ทั้งปล่อยลมยางออกทุกล้อ แต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถออกไปได้ เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังดับเพลิงจาก อบต.บางพลีใหญ่ และมูลนิธิร่วมกตัญญู นำเครื่องตัดถ่างมาทำการตัดขอบกระบะบรรทุกคันนี้ ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงจึงสำเร็จ แต่ก็แลกมาด้วยความเสียหายต่อกระบะบรรทุกคันนี้ ซึ่งทางเจ้าของรถได้ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ เพื่อให้นำรถออกมาได้
...
จากการสอบถาม นายเสกสรร คนขับ กล่าวว่า ตนเองรับจ้างวิ่งขนส่งเหล็กจาก จ.ชลบุรี ใส่พ่วงตัวแม่มา จำนวน 15 ตัน และต้องมารับสินค้าที่ย่านบางพลี อีก 15 ตัน ที่ยังไม่ได้บรรทุกเหล็ก พ่วงจึงเบาและสูงกว่าพ่วงหน้า จึงออกเดินทางจากชลบุรีมายังบางพลี แต่ไม่ทราบเส้นทาง จึงเปิดจีพีเอสนำทางในสมาร์ทโฟน ให้นำทางมายังที่หมาย จนมาถึงจุดกลับรถใต้สะพานจีพีเอสแจ้งว่าให้กลับรถใต้สะพาน ตนเองหลงเชื่อจึงขับเข้ามา และหัวพ่วงตัวแม่ผ่านพ้นไม่ติดค้างอะไร จึงตัดสินใจขับรถเดินหน้าต่อ แต่ไม่คาดคิดว่าจะติดที่หางพ่วงหลัง เนื่องจากยังไม่ได้บรรทุกเหล็ก พ่วงจึงเบาและสูงกว่าพ่วงหน้า จึงติดสะพานจนไปต่อไม่ได้ ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพง ที่ต้องยอมตัดขอบกระบะออก มูลค่าเสียหายเกือบแสนบาท ต่อไปนอกจากจะไม่เชื่อจีพีเอสในมือถือแล้ว จะต้องไม่เสี่ยงที่จะฝืนขับรถใหญ่ลอดใต้สะพานเช่นนี้อีก.