หลังจาก จ.ชัยนาท มีนโยบายลดพื้นที่ปลูกข้าว มาปลูกพืชชนิดอื่นหรือปรับเปลี่ยนอาชีพที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยการเลี้ยงแพะเนื้อ เพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับเกษตรกร เนื่องจากแพะเนื้อใช้พื้นที่เลี้ยงน้อย เลี้ยงง่าย กินอาหารพวกพืชได้หลายชนิด

สถานการณ์ล่าสุด พบชัยนาทมีเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ 778 ราย จำนวน 30,883 ตัว มีการเลี้ยงกระจายในทุกอำเภอ มี อ.สรรคบุรี และสรรพยา เป็นแหล่งผลิตสำคัญ นิยมเลี้ยงสายพันธุ์ลูกผสมบอร์ เนื่องจากเลี้ยงง่าย โตเร็ว อัตราการให้ลูกแฝดสูง เป็นที่นิยมของตลาด โดยอำเภอสรรพยามีการส่งเสริมการเลี้ยงแพะเนื้อโดยการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน นับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มวิสาหกิจที่ประสบความสำเร็จในการผลิตแพะเนื้อส่งออกตลาดต่างประเทศ

ประมวล คล้ายทอง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาอาชีพปศุสัตว์บ้านหนองกุ้งฯ เผยว่า เดิมทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว ทำนา 80 ไร่ แต่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ จึงมองหาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ เมื่อภาครัฐมาให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงแพะเนื้อ จึงสนใจและศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม และกระทั่งปี 2559 จึงได้ต่อยอดจนสามารถจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนฯ ผลิตแพะจำหน่ายจนประสบความสำเร็จ

...

ปัจจุบันมีสมาชิก 50 ราย มีแพะจำนวน 1,574 ตัว เป็นแพะสายพันธุ์ลูกผสมบอร์ โดยมี ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย ตัวละ 2,714 บาท แยกเป็นค่าพันธุ์สัตว์ 375 บาท ค่าแรงงาน 795 บาท ค่าอาหาร 1,125 บาท และส่วนที่เหลือเป็นค่ายาป้องกันโรค ค่าเวชภัณฑ์ ค่าเสื่อมโรงเรือน และอุปกรณ์ต่างๆ โดยแม่แพะ 1 ตัว ให้ผลผลิตลูกแพะ 1-3 ตัว/รุ่น สำหรับแพะเพศเมีย จะเริ่มผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่อายุ 8 เดือน ไปจนถึงอายุประมาณ 10 ปี มีระยะเวลาการตั้งท้อง 5 เดือน พักท้อง 1-2 เดือน โดยแพะจะมีอายุขัยเฉลี่ย 15 ปี

เกษตรกรสามารถจำหน่ายแพะเนื้ออายุเฉลี่ย 6–8 เดือน ในราคาตัวละ 4,650 บาท หรือคิดเป็น กก.ละ 150 บาท (น้ำหนักเฉลี่ยตัวละประมาณ 31 กก.) คิดเป็นกำไรเฉลี่ย ตัวละ 1,936 บาท

โดยกลุ่มวิสาหกิจฯสามารถรวบรวมแพะเนื้อจากสมาชิกได้เดือนละ 200-300 ตัว ส่งขายต่อให้กับพ่อค้าผู้รวบรวมในจังหวัดชัยนาทและจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และอุทัยธานี โดยผลผลิตทั้งหมดจะส่งออกไปยังตลาดประเทศเวียดนาม ซึ่งในอนาคตกลุ่มวิสาหกิจฯจะเพิ่มปริมาณการเลี้ยงแพะเนื้อ เพื่อรองรับการผลิตเนื้อแพะแช่แข็งตามมาตรฐานฮาลาล ซึ่งตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มความต้องการสูงขึ้น

นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถนำมูลแพะมาใช้กับนาข้าวเพื่อช่วยลดต้นทุนปุ๋ยเคมี และสร้างรายได้เพิ่มด้วยการนำมูลแพะมาจำหน่ายได้ในราคา กก.ละ 2 บาท เนื่องจากมูลแพะมีธาตุอาหารสำคัญสำหรับพืช มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ค่อนข้างมาก...สนใจข้อมูลการผลิตและตลาดได้ที่โทร. 09-4623-3777.