“ครูจุ๋ม” ยึกยัก ยังไม่ยอมถอนแจ้งความที่ถูกผู้ปกครองเด็กทำร้ายปล่อยทนายความรอเก้อที่โรงพักโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ออกแถลงการณ์ยัน โรงเรียนพร้อมรับผิดชอบเยียวยาผู้ปกครองตามข้อตกลงกับกระทรวงศึกษาธิการ ปัดบังคับครูจุ๋มแจ้งความผู้ปกครอง ฮึ่มถ้ายังให้ข้อมูลบิดเบือนจะดำเนินคดี ผอ.โรงเรียนเลื่อนนัดเข้าให้ปากคำตำรวจ อ้างเวลากระชั้นชิดต้องศึกษาข้อกฎหมายก่อน “ทนายรณณรงค์” หิ้วถุงดำบุกโรงพัก ขอลองเล่นกับครูที่อ้างว่าเอาถุงคลุมหัวเด็กเป็นการล้อเล่นว่าจะสนุกไหม ผบก.ภ.จ.นนทบุรีแจงคดีนี้มีผู้ปกครองมาแจ้งความ 36 ราย มีครูและพี่เลี้ยงตกเป็นผู้ต้องหา 16 คน เข้ามามอบตัวครบแล้ว โดนคนละ 2 ข้อหา ครูจุ๋มอ่วมสุดโดนแจ้งทั้งหมด 12 คดี ส่วนคดีที่ครูจุ๋มถูกผู้ปกครองทำร้ายคงถอนแจ้งความไม่ได้ ชี้คดีลหุโทษแค่เปรียบเทียบปรับ

ยังไม่จบง่ายๆ คดีครูโหดทำร้ายเด็กนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตำรวจทยอยเรียกกลุ่มครูและพี่เลี้ยงที่ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหา รวมทั้งออกหมายเรียก ผอ.โรงเรียน เข้ามาให้ปากคำด้วย ขณะที่ น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง หรือครูจุ๋ม อดีตพี่เลี้ยงเด็กที่แจ้งความดำเนินคดีกับพ่อแม่เด็กที่เข้ามาทำร้ายขณะดูคลิปลูกถูกกระทำ ถูกสังคมกดดันอย่างหนักจนเครียดจัด อ้างถูกทางโรงเรียนสั่งให้ไปแจ้งความกลับโดนปล่อยลอยแพ เตรียมไปถอนแจ้งความพร้อมขอโทษผู้ปกครองทุกคน

ความคืบหน้าที่ สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 6 ต.ค. นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ที่รับเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของโรงเรียนเครือสารสาสน์ นำเอกสารแถลงการณ์ของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ชี้แจงกับสื่อมวลชน หลังได้รับแจ้งว่าครูจุ๋มจะเข้ามาถอนแจ้งความเอาผิดกับผู้ปกครองที่ทำร้าย นายเดชากล่าวว่า ในช่วงเย็นหลังจากเข้าไปประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารของโรงเรียนเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาผู้ปกครองเด็กที่ถูกครูและพี่เลี้ยงทำร้าย ได้รับแจ้งจากครูจุ๋มว่าให้ช่วยพามาถอนแจ้งความในเวลา 20.00 น. แต่เมื่อมาถึงโรงพัก โทรศัพท์ติดต่อครูจุ๋มได้รับการบ่ายเบี่ยงอ้างว่ากำลังเดินทางกลับจาก จ.อ่างทอง บ้าง ไม่มีรถมาบ้าง รู้สึกเครียดบ้าง ไม่ทราบว่าเป็นจริงตามที่อ้างหรือเปล่า แต่ไม่ใช่ปัญหา ถ้าครูจุ๋มจะมาถอนแจ้งความเวลาไหนสามารถเข้ามาถอนได้เองไม่จำเป็นต้องมีตนมาด้วย

...

ทนายเดชากล่าวต่อไปว่า ได้นำเอกสารในที่ประชุมของคณะผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ มาให้สื่อมวลชนด้วย เพื่อยืนยันว่าโรงเรียนพร้อมที่จะเยียวยาให้กับผู้ปกครองโดยไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ เอกสารฉบับนี้ถือว่าเป็นเอกสารที่ออกจากทางโรงเรียน มี 3 หัวข้อหลักคือ 1.การเข้ามาของทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อให้ความเห็นทางด้านกฎหมายเบื้องต้นเพื่อระงับข้อพิพาทและเยียวยาระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครองเท่านั้น 2.โรงเรียนมิได้ต้องการต่อสู้กับผู้ปกครองหรือปฏิเสธความรับผิดชอบต่อนักเรียนและผู้ปกครองแต่ประการใด และยังคงยืนยันเจตนารมณ์ตามมาตรการบันทึกข้อตกลงระหว่างโรงเรียนกับกระทรวงศึกษาธิการ ณ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน วันที่ 30 ก.ย.63 โรงเรียนจะแจ้งความคืบหน้าการปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงให้สาธารณชนทราบต่อไป และ 3.โรงเรียนขอปฏิเสธข่าวการบังคับให้ น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง หรือพี่เลี้ยงจุ๋ม แจ้งความต่อผู้ปกครอง และไม่เคยมีเจตนาดังที่ถูกกล่าวอ้าง พร้อมกับขอสงวนสิทธิ์ดำเนินคดี หากสอบสวนแล้วพบว่า น.ส.อรอุมา ให้ข้อมูลบิดเบือน

ต่อมาเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ต.ค. ตัวแทน ผอ.โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ประสิทธิ์ คงนายศ สว. (สอบสวน) สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อยื่นเอกสารขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำของ ผอ.โรงเรียนออกไปก่อน ให้เหตุผลอ้างว่าพนักงานสอบสวนส่งหมายเรียกให้วันที่ 6 ต.ค.และให้มาพบวันที่ 7 ต.ค. เวลา 10.00 น. ระยะเวลากระชั้นชิดเกินไป จึงยังไม่พร้อมที่จะเข้ามาให้ปากคำได้

ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เดินทางมาที่ สภ.ชัยพฤกษ์ ในมือถือถุงขยะสีดำมาด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่าเอาถุงดำมาทำอะไร นายรณณรงค์ตอบว่าเอามาหยอกคนบางคนเล่น พร้อมเผยเหตุที่มาโรงพักเพื่อจะมาขอดูรายละเอียดของคดี หลังจากเมื่อคืนได้รับแจ้งจากครูจุ๋มว่าจะมาถอนแจ้งความดำเนินคดีกับนายชาญวิทย์ น้อยสุขยิ่ง และภรรยาในข้อหาทำร้ายร่างกาย จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีการถอนแจ้งความแต่อย่างใด ถ้าครูจุ๋มมั่นใจว่าถูกใครบังคับให้แจ้งความ ให้มาลงประจำวันไว้ว่าใครบังคับ เพราะมีประเด็นที่ครูจุ๋มพูดว่าทุกวันนี้อยู่ด้วยความหวาดระแวงมากและกลัวจะมีคนมาอุ้ม ตนจึงบอกให้รีบมาลงประจำวันไว้เพราะเชื่อว่าตำรวจจะคุ้มครองได้

ทนายรณณรงค์ยังกล่าวถึงกรณีถือถุงดำมา เผื่อจะลองเล่นกับครูจุ๋มและครูที่ใช้ถุงดำคลุมศีรษะเด็กว่าสนุกไหม เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากๆ ไม่นับกรณีที่เอาเด็กใส่ถังขยะ ไม่ใช่เรื่องที่อ้างว่าเอามาเล่นกันได้ ตั้งแต่เกิดมาจนโตยังไม่เห็นใครเคยเอาถุงดำมาเล่นแบบนี้เลย ท่าทางครูอิงจะเล่นกันเป็นประจำตนจึงอยากชวนมาเล่นด้วย วัตถุประสงค์ที่เอาถุงดำมาคือต้องการบังคับเด็กให้หยุดร้องไห้ใช่หรือไม่ ถ้าต้องการให้เด็กหยุดร้องไห้ ในวัตถุประสงค์นี้ไม่ใช่การเล่นแต่เป็นการเอามาข่มขู่ ต้องสอบสวนกรณีนี้เพิ่มเติม อาจจะมีการแจ้งข้อหาอื่นเพิ่มในภายหลัง ส่วนกรณีที่โรงเรียนออกหนังสือชี้แจงว่าไม่ได้บังคับให้ครูจุ๋มมาแจ้งความก็เป็นสิทธิ์ของทางโรงเรียน แต่คนที่จะตอบได้ดีที่สุดคือครูจุ๋มว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าพร้อมอยากให้อธิบายกับสังคมให้เข้าใจ

ต่อมาในช่วงบ่าย พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี เดินทางมาที่ สภ.ชัยพฤกษ์ เรียกประชุมสอบถามความคืบหน้าของคดี จากนั้นเปิดเผยว่า จนถึงวันนี้มีผู้ปกครองมาแจ้งความทั้งหมด 36 ราย มีผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้งหมด 16 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินคดีแล้ว 13 คน วันนี้มีมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 3 คน ประกอบด้วย ครูนิ ครูหวาน และครูแวว เป็นครูทั้งชั้นอนุบาลและเนิร์สเซอรี รวมมารับทราบข้อหาครบ 16 คนแล้ว พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเดิมคือทําร้ายร่างกายและข้อหาตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก โดยครูจุ๋มถูกกล่าวโทษมากสุด 12 คดี ส่วนคนอื่นรองลงมาเป็น 6 คดีบ้าง 5 คดีบ้าง

ผบก.ภ.จ.นนทบุรีเผยต่อไปว่า ส่วนกรณีที่ น.ส.วารุณี เผือกเทศ ผอ.โรงเรียนคนเก่า ไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก แต่มีตัวแทนส่งหนังสือขอเลื่อนนัด ให้เหตุผลเพราะต้องการปรึกษาทนายความให้เรียบร้อยก่อนจะได้เข้าใจข้อกฎหมายที่ถูกคุรุสภามาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษว่าโรงเรียนรับครูที่ไม่มีใบอนุญาตในการเข้ามาทำงาน พนักงานสอบสวนออกหนังสือเรียกให้มาพบอีกครั้งในวันที่ 14 ต.ค. ส่วนผู้บริหารคนอื่นอยู่ระหว่างการดำเนินการ สำหรับกรณีครูพี่เลี้ยงจุ๋ม ที่มาแจ้งความดำเนินคดีถูกผู้ปกครองทำร้าย เป็นความผิดคดีลหุโทษ มีทางไปอยู่ 2 ทางคือ ถ้าผู้เสียหายยินยอมให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับ ก็สามารถปรับในชั้นโรงพักได้ แต่ถ้าไม่ยอมให้ปรับจะส่งฟ้องศาล ส่วนที่บอกว่าจะมาถอนแจ้งความ คงถอนไม่ได้ ส่วนอัยการจังหวัดนนทบุรีรู้สึกเห็นใจบรรดาผู้ปกครอง เห็นว่าหลังจากคดีอาญาจบแล้วต้องเสียเวลาตั้งทนายความฟ้องร้องในคดีแพ่งอีก จึงรับดำเนินการไปรวมเรื่องเดียวกันและจะมาสอบปากคำผู้ปกครองเพิ่มเติมว่าเหตุที่เกิดขึ้นได้รับความเสียหายอย่างไรบ้าง

...

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า สถานการณ์ความรุนแรงในโรงเรียนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ตาม พ.ร.บ.ปฐมวัย ควรแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายกฯต้องเข้าใจว่าประเทศไทยลงนามเข้าเป็นภาคีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กตั้งแต่ปี 2535 แต่ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ผ่านมามักลอยตัวเหนือปัญหา ไม่สนใจประชาคมโลก กระทรวงศึกษาธิการต้องเร่งติดตามการประเมินผลวิชาชีพครูอย่างจริงจังด้วยการทดสอบความพร้อมของสุขภาพจิต ความพร้อมทางวิชาการ จัดประเมินผลสัมฤทธิ์การสอนให้สอดคล้องกับพัฒนาการเด็ก การทำให้เกิดความกลัวในสถานศึกษาทำให้เด็กไม่กล้าแสดงออก เป็นการบั่นทอนระบอบประชาธิปไตยระยะยาว จากนี้ไปความรุนแรงต่อเด็กต้องไม่เกิดขึ้นอีก สถานศึกษาควรเป็นที่ปลอดภัย ครูต้องทำหน้าที่เป็นครูผู้สอน ไม่ใช่ครูผู้มีอำนาจ หากไม่ได้รับการแก้ไขเร่งด่วนจะส่งผลกระทบต่อเด็กที่เป็นอนาคตของชาติโดยตรง