นายสุรเดช สมิเปรม รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า วิกฤติโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวขาดหาย ประกอบกับปีนี้วิกฤติภัยแล้งกินเวลานาน ส่งผลให้ปางช้างหลายแห่งขาดแคลนพืชอาหาร ทำให้ปางช้างในจังหวัดต่างๆ ขอความช่วยเหลือมายังกรมปศุสัตว์ ช่วยจัดหาพืชอาหารสัตว์บรรเทาความเดือดร้อน น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ มีนโยบายให้สำนักพัฒนาอาหารสัตว์เร่งจัดพืชอาหารส่งไปยังปางช้างอยุธยาในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และเชียงราย อย่างเร่งด่วน
“การช่วยเหลือในระยะแรก ทางศูนย์วิจัยพัฒนาอาหารสัตว์ที่อยู่ในพื้นที่ปางช้างแต่ละจังหวัด ได้จัดส่งหญ้าแพงโกล่าอัดฟ่อน 200 ฟ่อน หนัก 4 ตัน พร้อมอาหารเสริมป้องกันไม่ให้ช้างมีปัญหาสุขภาพ ส่วนระยะที่ 2 ปางช้างจะนำเงินจากมูลนิธิที่ผู้ใจบุญสนับสนุน นำมาซื้อหญ้าแพงโกล่าจากแปลงเกษตรกร เพราะแต่ละสัปดาห์ใช้หญ้าเลี้ยงช้างจำนวนมาก คาดว่าช่วยให้กลุ่มเกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายหญ้าให้กับปางช้างไม่ต่ำกว่าเดือนละ 8,000-10,000 บาท”
...
ด้าน นายอิทธิพล เผ่าไพศาล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาอาหารสัตว์ บอกว่า ช้างแต่ละตัวมีความต้องการอาหารวันละ 100-200 กก. ดังนั้น การแก้ปัญหาระยะยาว ส่วนหนึ่งปางช้างจะต้องปรับพื้นที่ปลูกพืชอาหารสัตว์ โดยให้กรมปศุสัตว์เป็นพี่เลี้ยงแนะนำการปลูก
ขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกว่าจะปลูกหญ้าชนิดไหน ระหว่างหญ้าเนเปียร์ที่เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงพืชอาหารสด กับหญ้าแพงโกล่าที่เหมาะสมต่อการทำแห้งอัดฟ่อนขนย้ายสะดวก ซึ่งเดิมจะจำหน่ายให้ฟาร์มม้าแข่งเป็นหลัก ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับตลาดเดิม ช่วยเพิ่มตลาดใหม่ให้เกษตรกรกลุ่มผู้ปลูกหญ้าแพงโกล่า กรมปศุสัตว์จึงจัดโครงการส่งเสริมปลูกพืชอาหารสัตว์ เกษตรกรสนใจสอบถามได้ที่ 0-2501-1147.