สาวโรงงานวัย 38 ปี เคยเป็นเสาหลักให้ครอบครัวเลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่ชรา เกิดป่วยแขนอ่อนแรงถูกให้ออกจากงานโดยไม่ได้รับค่าชดเชย ซ้ำโควิดระบาด จนหมดหนทาง ไปปีนสะพานลอยหน้าห้างฯจะจบชีวิต ยังดีที่ตำรวจ กู้ภัยช่วยไว้ได้   


เวลา 11.00 น. วันที่ 1 พ.ค. พ.ต.ท.ประดิษฐ์ ทะประสิทธิ์จิตต์ รอง ผกก.ป.สภ.บางพลี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุบางพลี ว่ามีหญิงสาวพยายามจะกระโดดสะพานลอยฆ่าตัวตาย ที่หน้าห้างบิ๊กซี บางพลี ม.9 ถ.เทพารักษ์ กม.13 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงพร้อมด้วยกำลังสายตรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ พบ น.ส.แก้วตา ดีสะท้าน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 384 ม.1 ต.บ่อไทย อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ นั่งอยู่บนขอบสะพานลอยนอกรั้วเหล็กกั้น สวมเสื้อยืดลายทางขวางตัว สีเขียว เหลือง ม่วง ส้ม ใส่กางเกงขาสั้น สี ครีม ไม่สวมรองเท้า โดยนั่งห้อยขาออกมาด้านนอก สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้ใช้เส้นทางและประชาชนจำนวนมากที่มายืนดูเหตุการณ์ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด โดยหญิงสาวคนดังกล่าวนั่งอยู่นิ่งไม่ยอมพูดจาหรือเจรจากับใคร และไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นญาติหรือคนรู้จัก ท่ามกลางความกดดันของทุกฝ่ายเกรงว่าจะตัดสินใจกระโดดลง

...

เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและกู้ภัย ได้ปิดกั้นการจราจรเลนขวาสุดของถนนเทพารักษ์ กม. 12 ใต้สะพานลอย และขอความร่วมมือประชาชนงดมุงดูเหตุการณ์และงดถ่ายภาพผู้ก่อเหตุ เพื่อลดแรงกดดันต่อหญิงรายนี้ จากนั้นจึงรีบประสานของเบาะลมจาก อบต.บางพลีใหญ่ เข้าสนับสนุนวางที่พื้นถนน จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งรอจังหวะอยู่ด้านบนสะพานลอย อาศัยช่วงเผลอเข้าชาร์จตัวได้สำเร็จ และช่วยได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางเสียงปรบมือจากประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ โดยนำหญิงรายนี้กลับเข้ามาในสะพานลอยและเกลี้ยกล่อมจนอารมณ์เย็นลง

จากการสอบถาม น.ส.แก้วตา ดีสะท้าน เปิดเผยว่า ตนเองเกิดความเครียดหาทางออกไม่ได้ เนื่องจาก เป็นเสาหลักของครอบครัว ที่มีพ่อและแม่ชราแถมพิการอยู่ต่างจังหวัด ตนเองเป็นพนักงานโรงงานแห่งหนึ่งย่านบางปะกง มาระยะหลังแขนข้างซ้ายเกิดอ่อนแรงปวดและชา จนต้องหยุดงานบ่อยครั้งเพื่อไปหาหมอ แต่ทางโรงพยาบาลเอกชนที่ไปหานั้นแจ้งกลับมาว่าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร แต่หากจะรักษาจริงต้องใช้เงินจำนวนมาก อีกทั้งพอตนเองล้มป่วยทำให้บริษัทเลิกจ้างและไม่ได้เยียวยา หรือชดเชยอะไรให้กับตนเอง ต้องตกงาน เงินที่มีอยู่ก็หมด และมีหนี้สิน กลับเพิ่มภาระให้กับทางครอบครัวประกอบกับมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไม่มีการจ้างงาน ตนไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร จึงตัดสินใจมาก่อเหตุหวังจบปัญหาและไม่เป็นภาระใคร

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาป่อเต็กตึ๊ง หลังเข้าพูดคุยกับ น.ส.แก้วตา นานกว่า 15 นาที จนผ่อนคลายลง และยินยอมให้เจ้าหน้าที่นำตัวเข้ารักษาที่ รพ.บางพลี