ชาวนาที่สระบุรี นำเครื่องสูบน้ำมาตั้งริมคลอง แหล่งน้ำแห่งเดียวที่ยังมีน้ำเหลือ ระดมสูบน้ำไปเลี้ยงนาข้าวที่อยู่ไกล 3 กม. ถูกหัวขโมยใจร้าย ลักน้ำมันในถัง ฝาถัง บางรายเอาน้ำเปล่าใส่ไว้แทน เดือดร้อนร่วม 20 ราย

วันที่ 6 ม.ค. ร.ต.อ.บดีพล กมลเลิศ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ดอนพุด จ.สระบุรี ได้รับแจ้งจาก นายไพรัตน์ มะลิแย้ม อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 6 ต.บ้านหลวง อ.ดอนพุด ชาวนาบ้านหนองมน หมู่ 6 ต.บ้านหลวง อ.ดอนพุด ว่าถูกหัวขโมยย่องลักน้ำมันดีเซลใส่เครื่องสูบน้ำเข้าแปลงนา บริเวณคลองระบาย 8 ซ้าย (คลองชลประทานท้ายบ้านหนองมน) หมู่ 6 ต.บ้านหลวง อ.ดอนพุด ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุเป็นรอยต่อกับ หมู่ 4 ต.วังแดง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

จากการสอบถามนายเดชา เสาโท อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.บ้านหลวง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี เล่าว่าช่วงเช้าที่ผ่านมานายไพรัตน์ มะลิแย้ม อายุ 53 ปี เป็นชาวนาหมู่ 6 ต.บ้านหลวง มาแจ้งว่าโดนลักน้ำมันดีเซลซึ่งอยู่ในเครื่องสูบน้ำเข้าแปลงนาจนหมดถัง และยังขโมยฝาปิดถังน้ำมันไปด้วย 

ต่อมา นายเดชา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ได้ขับรถออกสำรวจบริเวณคลองชลประทานระบาย 8 ซ้าย หมู่ 5-6 ต.บ้านหลวง และรอยต่อกับหมู่ 4 ต.วังแดง อ.ท่าเรือ พบว่ามีชาวนาโดนลักน้ำมันดีเซลที่อยู่ในเครื่องสูบน้ำที่ตั้งสูบน้ำริมถนนคลองชลประทานดังกล่าว ไปกว่า 20 เครื่อง บางรายโดนลักฝาถังน้ำมันไปด้วย ยิ่งกว่านั้น บางรายโดนลักน้ำมันดีเซลไปหมดถังและนำน้ำเปล่าใส่ถังน้ำมันไว้แทน

...

ทั้งนี้ นายเดชา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ฝากถามหัวขโมยว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร ไม่สงสารชาวนาเลยหรอ แค่นี้ชาวนาก็เดือดร้อนพอแล้ว เพราะต้องช่วยกันสูบน้ำจากคลองหนองมน ส่งไปแปลงนาไกลกว่า 3 กิโลเมตร หลังจากแล้ง ไม่มีน้ำทำนาเหลือแหล่งน้ำอยู่เพียงแห่งเดียวของอำเภอดอนพุด

"มีชาวนาเห็นรถยนต์กระบะสีดำ ลักษณะมีพิรุธวิ่งไปมาช่วงหัวค่ำบนถนนคลองชลประทานระบาย 8 ซ้าย แต่ก็ไม่ได้ระแวง คิดว่าเป็นรถชาวบ้านมาหาปลาบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ฝากถึงชาวนาให้ช่วยกันสอดส่องดูเครื่องสูบน้ำของตัวเอง เพราะต่อไปหัวขโมยคงจะไม่ลักแค่น้ำมันดีเซลในเครื่องสูบน้ำ อาจจะลักเครื่องยนต์สูบน้ำไปทั้งเครื่องเป็นไปได้" นายเดชา  กล่าว