ลุงเสี้ยว ชาว.สวนผึ้ง ราชบุรี นำหลักฐานการเสียภาษี ภ.บ.ท.5 แฉ ที่ดินเกือบ 50 ไร่ ยังเหลือแค่ 10 ไร่ เหตุถูกฮุบ ระบุคู่กรณีคือ "ทวี ไกรคุปต์" คุณพ่อ "ส.ส.ปารีณา" ทั้งแจ้งความ ทั้งร้องเรียน ล่าสุดร้องทุกข์ถึงนายกรัฐมนตรี แต่ยังเงียบ
หลังจากเรื่องราวการถือครองที่ดินที่เป็นปัญหาของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งมีผลการตรวจสอบจากกรมป่าไม้ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. พบว่า บุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี และที่ป่าไม้ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ประมาณ 46 ไร่นั้น
ปรากฏว่า ได้มีผู้ออกมากล่าวถึงที่ดินในการครอบครองของ นายทวี ไกรคุปต์ อดีต รมช.คมนาคม บิดาของนางสาวปารีณา ที่อยู่ในพื้นที่หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งอยู่คนละฝั่งภูเขา ว่าครอบครองโดยถูกกฎหมายหรือไม่ และยังไม่มีการรังวัดที่ดินอีกกว่า 600 ไร่ เมื่อเรื่องราวถูกกล่าวถึงทำให้มีชาวบ้านที่กล้าออกมาแสดงตัวยืนยันว่าได้ถูก นายทวี ไกรคุปต์ ฮุบที่ดินที่ทำกินมาเกือบ 50 ปี โดยบุคคลดังกล่าวคือนายเสี้ยว นำพา อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
...
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.62 ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบกับ นายเสี้ยว นำพา มีอาชีพเลี้ยงหมูแบบครอบครัว ไม่ใช่ลักษณะฟาร์ม ได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปดูที่ดินที่ยืนยันว่าถูกนายทวีบุกรุก โดยพบรั้วแบบใช้เสาปูนล้อมลวดหนามเป็นพื้นที่กว้าง ภายในรั้วปลูกมะพร้าว นายเสี้ยวชี้ว่านี่คือที่ดินของตนเองที่ถูกบุกรุก แล้วนายทวีมาล้อมรั้วปลูกต้นมะพร้าวและอ้างว่าเป็นพื้นที่ของนายทวี
นายเสี้ยว เปิดเผยว่า ที่ดินนี้มีเนื้อที่เกือบ 50 ไร่ ตนครอบครองใช้ประโยชน์ในการปลูกอ้อยมาเกือบ 50 ปี เป็นพื้นที่ ภ.บ.ท.5 เสียภาษีมาตั้งแต่ 2517 แต่หลายปีที่ผ่านมาถูกนายทวีพยายามบุกรุกกินพื้นที่ของตนมาเรื่อย โดยการไถที่ดินเข้ามาแม้แต่ทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรเป็นทางลัดเชื่อมระหว่างถนนสายราชบุรี-ผาปก (เส้นจาก อ.จอมบึง เข้า อ.สวนผึ้ง) และถนนสายราชบุรี-น้ำพุ-ออกแยกชัฎป่าหวาย เข้าอ.สวนผึ้ง ก็ถูกไถดินกลบ จนเจ้าของสวนยูคาลิปตัสที่อยู่ติดกันต้องทำถนนใหม่ผ่าสวนยูคาลิปตัสเพื่อให้ชาวบ้านสัญจร
แต่ที่เกิดปัญหาใหญ่คือเมื่อวันที่ 7 ก.ค.62 หลังตนตัดอ้อยแล้ว นายทวี ไกรคุปต์ ได้พาลูกน้องมาทำการล้อมรั้วในที่ดินของตน และปลูกมะพร้าว ตามที่ได้พาไปดูพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ที่ดินของตนจากเกือบ 50 ไร่ เหลือเพียง 10 กว่าไร่ โดยนายทวีมาคุมคนงานด้วยตนเอง ตนพูดก็ไม่รับฟัง คาดว่านายทวีต้องการพื้นที่ให้ไปบรรจบที่ดินของนายทวีที่อยู่เลยไปอีกแปลงให้เป็นแปลงเดียวกัน วันนั้นตนจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.สวนผึ้ง ว่านายทวีบุกรุกที่ดิน พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากอำเภอเข้ามาตรวจสอบ ยังบอกให้นายทวีหยุดปลูกมะพร้าวก่อน แต่นายทวีไม่สนใจ เขาบอกว่าเขามีสิทธิ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังบอกว่านายทวีก็มาแจ้งว่าตนเองบุกรุกที่ดินก่อนหน้านี้เหมือนกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าจะพูดคุยไกล่เกลี่ยให้ แต่ทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
นายเสี้ยว เผยอีกว่า ต่อมาตนกับนางสาวปราณี นำพา และนางสาวอำไพ นำพา ลูกสาว ซึ่งตนให้ทางป่าไม้ที่เคยมาตรวจสอบที่ดินเปลี่ยนชื่อตนเป็นชื่อลูกสาวทั้งสองเป็นผู้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว เพราะตนอายุมาก ลูกสาวเป็นทายาทเพื่อจะได้ใช้ที่ดินประกอบอาชีพต่อ ได้เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรม อ.สวนผึ้ง โดยศูนย์ดำรงธรรมได้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ถึงสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) เพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลตามโครงการสำรวจถือครองเพื่อการจัดการที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ ก็คือตรวจสอบที่ดินของตน และต่อมาสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ได้มีหนังสือตอบกลับศูนย์ดำรงธรรมเมื่อวันที่ 22 ส.ค.62 ว่าผลการตรวจสอบข้อมูลแล้ว ผลปรากฏว่าได้มีการรังวัดตามโครงการสำรวจถือครองดังกล่าว ดังนี้
...
"นางสาวอำไพ นำพา เนื้อที่ 23-2-79 ไร่ นางสาวปราณี นำพา เนื้อที่ 23-0-99 ไร่ เพราะฉะนั้นก็คือ ที่ดินที่ถูกนายทวีบุกรุกไปนั้นเป็นที่ดินที่ลูกสาวครอบครองอยู่ จึงได้นำเอกสารไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเรื่องก็เงียบไปอีก จนเมื่อวันที่ 11 พ.ย.62 วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาตรวจราชการพื้นที่ราชบุรี ก่อนประชุม ครม.สัญจรที่ จ.กาญจนบุรี นางสาวปราณี ลูกสาว ได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ในคราวนายกรัฐมนตรีเดินทางไปปฏิบัติราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกพื้นที่ ซึ่งตั้งศูนย์ฯชั่วคราวที่จวน ผวจ.ราชบุรีหลังเก่า เรื่องก็ยังเงียบ และเมื่อวันที่ ส.ป.ก.มาตั้งหน่วยบริการบริการประชาชนเคลื่อนที่ ในเขตปฏิรูปที่ดินปีงบประมาณ 2563 มีชาวบ้านในพื้นที่ ต.รางบัว อ.จอมบึง และ ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง ที่ศาลาอเนกประสงค์ อบต.รางบัว ก็นำเรื่องไปแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.เพื่อทำการตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ผลอย่างไร
นายเสี้ยว กล่าวด้วยว่า ทุกวันนี้รั้วก็ยังล้อมอยู่ ไม่ได้มีการรื้อถอน การออกมาแฉครั้งนี้ถามว่าตนกลัวมั้ย ตนบอกเลยกลัว แต่ก็ต้องสู้เพราะที่ดินที่เราใช้ทำการเกษตรเลี้ยงปากท้องครอบครัวมานาน จู่ๆ จะให้คนอื่นมาแย่งไปอย่างไม่เป็นธรรมได้อย่างไร ยังมีชาวบ้านที่โดนลักษณะเดียวกันนี้หลายราย แต่ยังไม่มีใครกล้าออกมาเปิดเผย
...
อย่างไรก็ตาม นายเสี้ยวได้นำเอกสารหลักฐานมาให้ผู้สื่อข่าวดู ทั้งเอกสารบันทึกประจำวัน ในตอบรับการร้องทุกข์ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลฯ ใบเสียภาษี ภ.บ.ท.5 ตั้งแต่ปี 2517 และมีเอกสารที่ระบุชัดเจนว่าที่ดินที่ถูกนายทวีบุกรุกนั้น เป็นที่ดินที่นายเสี้ยวครอบครองอยู่ ซึ่งเปลี่ยนเป็นชื่อลูกสาวทั้งสองคน เป็นเอกสารตอบกลับศูนย์ดำรงธรรม อ.สวนผึ้ง แสดงผลการตรวจสอบของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ที่ยืนยันการครอบครองที่ดิน ตามโครงการสำรวจถือครองเพื่อการจัดการที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ และเอกสารของกรมป่าไม้ที่มีลายเซ็นเจ้าหน้าที่กำกับตามแบบเอกสารราชการ มอบให้กับนายเสี้ยวและลูกสาว เป็นภาพถ่ายทางอากาศปี 2545 แสดงผลการตรวจสอบข้อมูลตามโครงการสำรวจถือครองเพื่อการจัดการที่ดินในพื้นที่ป่าถาวรป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85) ประจำปีงบประมาณ 2559 จ.ราชบุรี ระบุข้อมูลการครอบครองที่ดินตรงกับการตรวจสอบของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) คือนางสาวอำไพ นำพา ครอบครองที่ดินเนื้อที่ 23-2-79 ไร่ และนางสาวปราณี นำพา ครอบครองที่ดินเนื้อที่ 23-0-99 ไร่ แต่ถูกนายทวีบุกรุกล้อมรั้ว จนที่ดินเหลือประมาณ 10 กว่าไร่ดังกล่าว
ทางด้านนายทวี ไกรคุปต์ ที่ถูกกล่าวหาว่าฮุบที่ชาวบ้าน ล่าสุด ยังไม่ได้ออกมาชี้แจง ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ เพื่อทราบข้อเท็จจริงและที่มาที่ไปของเรื่องนี้ แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ หากมีความคืบหน้าจะรายงานต่อไป.