ตรวจชิ้นกระดูกที่พบพันธุกรรมตรงกับแม่

ดีเอสไอแถลงชัด “บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ” แกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ถูกฆ่าเผายัดถังน้ำมัน 200 ลิตร ก่อนถ่วงน้ำอำพรางคดี หลังนำยานยนต์สำรวจใต้น้ำจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ.และนักประดาน้ำ บก.สนับสนุนทางอากาศ บช.ตชด. ตรวจพื้นที่ใต้น้ำในเขื่อนแก่งกระจาน พบชิ้นส่วนกระดูกถูกเผาถังน้ำมัน 200 ลิตร และอื่นๆ ตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับมารดา ชุดสืบสวน บอกใบ้ต้องเปลี่ยนข้อหาจาก ม.157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นข้อหาฆาตกรรม มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน เพราะพื้นที่เกิดเหตุเป็นที่ปิด คนทั่วไปเข้าไม่ได้อยู่แล้ว

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 ก.ย. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รอง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค พ.ต.ท.เสฏฐ์สถิตย์ สุวรรณกูด รอง ผอ.กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายวรวีย์ ไวยวุฒิ ผอ.กองสารพันธุกรรม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นายสว่างทิตย์ ศรีกิจสุวรรณ หัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมอวกาศและทะเล คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) พ.ต.ต.นิรุท อินธิศร ผบ.ร้อย กก.3 บก.สนับสนุนทางอากาศ บช.ตชด. ร่วมกันแถลงความคืบหน้ากรณีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย หลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมในระหว่างนำน้ำผึ้งออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อวันที่ 17 เม.ย.57 โดยทางญาติและภรรยาของนายบิลลี่เชื่อว่าเจ้าตัวถูกฆาตกรรมเสียชีวิต

...

พ.ต.อ.ไพสิฐเปิดเผยว่า หลังรับเรื่องไว้เป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอดำเนินการแต่งตั้งอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ มีการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน อาทิ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ บช.ตชด. ตำรวจ บช.ภ. 7 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และตัวแทนจากองค์การนอกภาครัฐ (NGO) ร่วมกันสืบสวนสอบสวนต่อเนื่องมาโดยตลอด กระทั่งวันที่ 26 เม.ย.62 ต่อเนื่องวันที่ 22-24 พ.ค.62 พนักงานสอบสวนดีเอสไอใช้ยานยนต์สำรวจใต้น้ำจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ.และนักประดาน้ำ บก.สนับสนุนทางอากาศ บช.ตชด. ตรวจหาพยานหลักฐานพื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน สามารถตรวจพบชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น ถังน้ำมัน 200 ลิตร 1 ถัง เหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้นและเศษฝาถังน้ำมัน ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์จนพบ วัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าวและการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อนที่อุณหภูมิ 200-300 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้ ตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายบิลลี่ เมื่อพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานในสำนวนอื่นประกอบ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเชื่อว่า วัตถุดังกล่าวเป็นกระดูกของนายบิลลี่ โดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตาย แต่ถูกเผาทำลายอำพรางคดี ส่วนถังน้ำมัน เหล็กเส้น ถ่านไม้ และเศษฝาถังน้ำมัน ส่งศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 จ.นครปฐม ตรวจพิสูจน์หาร่องรอยการผ่านความร้อนและการผุกร่อน อีกทั้งเมื่อวันที่ 28-30 ส.ค.62 พนักงานสอบสวนดีเอสไอร่วมกับนักประดาน้ำ จาก บก.สนับสนุนทางอากาศ บช.ตชด. และตำรวจ บช.ภ. 7 ตรวจหาพยานหลักฐานพื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน ตรงจุดเดิม พบชิ้นส่วนกระดูกเพิ่มอีก 20 ชิ้น อยู่ในระหว่างการดำเนินการตรวจพิสูจน์ตามขั้นตอน

“ทั้งนี้ดีเอสไอเห็นว่าพฤติการณ์ของกลุ่มคนร้ายที่กระทำผิดครั้งนี้เข้าข่ายฆาตกรรมโดยทรมานและบังคับบุคคลให้สูญหายที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ ชุดสืบสวนสอบสวนดีเอสไออยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดโดยเร็ว” พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว

นายวรวีย์กล่าวว่า วัตถุพยานที่รับมา ยืนยันเป็นชิ้นส่วนกะโหลกท้ายทอยของมนุษย์ ค่อนมาทางใบหู เป็นชิ้นส่วนสำคัญของมนุษย์ หากชิ้นส่วนนี้ไม่อยู่ในร่างกายจะทำให้เสียชีวิต นอกจากนี้ ยังพบรอยไหม้และรอยแตกร้าว เมื่อผ่านการสกัดสารพันธุกรรมด้วยการตรวจแบบพิเศษ ทำให้ระบุได้ชัดว่า “ไมโตรคอนเดีย” มีการสืบทอดทางมารดามาสู่ลูก สารพันธุกรรมนี้ ตรงกับมารดานายบิลลี่ และสารพันธุกรรมนี้จะไม่ส่งต่อไปยังบุตรของนายบิลลี่ ส่วนจะเป็นนายบิลลี่หรือไม่ขึ้นอยู่กับการสรุปสำนวน ส่วนระยะเวลาการเสียชีวิตนั้น จากการตรวจสอบพบเสียชีวิตมานานพอสมควร ทั้งนี้ชิ้นส่วนกระดูกที่พบเป็นกระดูกมนุษย์ ต้องใช้เวลาการตรวจพิสูจน์อีกประมาณ 1 เดือนก่อนจะยืนยันได้ว่าเป็นของใคร เพราะกระดูกผ่านความร้อนและผ่านการสูญสลายมาแล้ว

พ.ต.ท.เสฏฐ์สถิตย์ระบุว่า การดำเนินคดีจากเดิมที่ต้องดำเนินคดี ม.157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จะต้องเปลี่ยนเป็นคดีฆาตกรรม ส่วนจะฆาตกรรมด้วยวิธีใดนั้น ต้องสืบสวนต่อไป มีกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผย คดีนี้พนักงานสอบสวนทำไปตามพยานหลักฐาน ไม่ว่าผู้กระทำความผิดจะเป็นใคร จะต้องดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น

ขณะที่นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การแถลงข่าวกรณีนายบิลลี่ครั้งนี้ ทำให้คดีเปลี่ยนไปจากคดีคนหายมาเป็นคดีฆาตกรรม เชื่อว่าดีเอสไอมีข้อมูลอยู่แล้วว่าใครหรือขบวนการใด เป็นผู้ลงมือทำ มีแรงจูงใจอย่างไร เพราะดีเอสไอได้ หลักฐานและนำไปตรวจดีเอ็นเอก่อนหน้าแถลงข่าวประมาณ 1 เดือน เชื่อว่าน่าจะมีข้อมูลเก็บไว้ว่าใครเป็นคนทำ ที่สำคัญจุดหรือบริเวณที่มีการค้นพบกระดูกของนายบิลลี่ คืออุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทำให้การสืบหาคนลงมือแคบลง และผู้ที่ลงมือฆาตกรรมนายบิลลี่เป็นขบวนการที่มีมากกว่า 1 คนอุ้มไปฆ่า เชื่อดีเอสไอสามารถรวบรวมพยานหลักฐานฟ้องผู้กระทำผิดได้

...

“จุดที่พบกระดูกนายบิลลี่คือ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นพื้นที่ปิด คนทั่วไปเข้าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมีด่านเข้า-ออก ผมเชื่อว่าผู้ที่ลงมือฆาตกรรมนายบิลลี่อยู่แถวนั้น สามารถเข้า-ออกพื้นที่ได้ เร็วๆนี้จะมีพิธีเพื่อให้วิญญาณนายบิลลี่ไปสู่ภพภูมิที่ดี คดีนี้ ฝ่ายการเมืองหรือกลุ่มอิทธิพลไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวเพราะการฆาตกรรมนายบิลลี่ไม่ใช่แค่เรื่องชาติพันธุ์ แต่เป็นเรื่องของสังคม การอุ้มฆ่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย” นายสุรพงษ์กล่าว

ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยว่า ในคดีนี้เป็นกระบวนการสอบสวนสืบหาพยานหลักฐานของดีเอสไอ เบื้องต้นพบเจอชิ้นส่วนกะโหลกมนุษย์ คาดว่าจะต้องหาหลักฐานการเชื่อมโยงกันอีกหลายอย่าง กรมอุทยานฯในฐานะเจ้าของพื้นที่ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึง การแถลงความคืบหน้าคดีนี้ว่า กระทรวงทรัพยากรฯยังไม่ได้เตรียมการอะไร แต่พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจและดีเอสไอ เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร มีใครเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็ตาม

มีรายงานว่า ตลอดทั้งวันผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์กับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) อดีต หน.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พื้นที่เกิดเหตุ ในช่วงเวลาที่นายบิลลี่หายตัวไปเมื่อปี 57 แต่ไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด

สำหรับคดีนี้มีจุดเริ่มเมื่อวันที่ 21 เม.ย.57 ภรรยานายบิลลี่ พร้อมชาวบ้านและตัวแทนเครือข่าย กะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ ผวจ.เพชรบุรี และ ผบก.ภ.จ.
เพชรบุรี ในขณะนั้นว่า นายบิลลี่ถูกควบคุมตัวขึ้นรถกระบะโดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานก่อนหายตัวไป ต่อมาภายหลัง

...

ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่อุทยานฯได้ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนว่า คุมตัวนายบิลลี่ไปเมื่อวันที่ 17 เม.ย.57 เพราะต้องการตักเตือนที่นายบิลลี่บุกรุกป่า ครอบครองรังผึ้งและน้ำผึ้งป่า 5 ขวด ก่อนปล่อยตัวไปบริเวณ แยกหนองมะค่า ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน

จ.เพชรบุรี ในวันที่ 18 เม.ย.57 จากการตรวจสอบข้อมูลพบนายบิลลี่เคยเป็นคู่ขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในหลายกรณี อาทิ เป็นพยานปากสำคัญคดีที่ชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 4 พ.ค.55 เพื่อเรียกค่าเสียหายจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กรณีไล่รื้อและทำลายทรัพย์สินชาวบ้านปี 54 และขอสิทธิอาศัยในพื้นที่เดิมที่ตั้งรกรากมากว่า 100 ปี โดยนายบิลลี่มีนัดไปให้ปากคำกับศาลปกครองในวันที่ 18 พ.ค.57 รวมทั้งนายบิลลี่มีภาพและวิดีโอบันทึกภาพเหตุการณ์ชายสวมเสื้อเจ้าหน้าที่อุทยานฯรื้อถอน ทำลายทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ทางญาติของนายบิลลี่ได้เข้าไปร้องเรียนกับหลายหน่วยงาน กระทั่งดีเอสไอพิจารณารับไว้เป็นคดีพิเศษ