ศึกษาทำซาฟารี ใน ‘ห้วยขาแข้ง’ ท็อปยังไม่สรุป
รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้ “ซาฟารีห้วยขาแข้ง” ยังเป็นแค่แนวคิด หากจะดำเนินโครงการต้องศึกษาถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ด้านกรมป่าไม้รับมีคนในพื้นที่บางกลุ่มไม่เห็นด้วย จึงไม่ตัดสินใจดำเนินการโครงการนี้และควรตั้งคณะทำงานร่วมกันกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ พิจารณาโครงการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
หลังมีกระแสข่าวว่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมสร้างซาฟารีห้วยขาแข้งนั้น เมื่อวันที่ 3 ก.ย. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า โครงการดังกล่าวเป็นเพียงแค่ข้อเสนอแนวคิดการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าของกลุ่มคนทำงานทั้ง UNDP และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพิ่งรับทราบข้อเสนอแนวคิดดังกล่าว หากจะดำเนินการให้เป็นรูปธรรม จะต้องศึกษาถึงผลกระทบและรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายทั้งจากประชาชนในพื้นที่ หน่วยงานราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ย้ำอยู่เสมอว่าการกระทำใดก็แล้วแต่คนและป่าต้องอยู่ร่วมกันได้ กระทรวงทรัพยากรฯ มีหน้าที่ปกป้องผืนป่า รักษาความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้และสัตว์ป่า หากการกระทำใดจะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงจะไม่ทำ แต่หากทุกฝ่ายยินยอมพร้อมใจที่จะดำเนินการ ต้องหาข้อตกลงถึงผลดีผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นโดยละเอียด
ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า กรมยังไม่ได้รับรายงานผลการศึกษาดังกล่าวแต่อย่างใด ทราบว่ายังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาโครงการ โครงการดังกล่าวเป็นเพียงการเสนอรูปแบบเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการบริหารจัดการสัตว์ป่า ในรูปแบบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีเป้าหมายในการบริหารจัดการสัตว์ป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ให้ถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่ามีความอุดมสมบูรณ์ ขณะเดียวกันก็ให้ชุมชนในพื้นที่ได้มีรายได้ดูแลอนุรักษ์สัตว์ป่าควบคู่กันไป หากจะดำเนินโครงการต่อไปจำเป็นต้องมีการพูดคุยหารือกันทุกภาคส่วน ถึงข้อดีข้อเสียและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้รอบด้านเสียก่อน ขณะนี้กรมยังไม่มีนโยบายจะดำเนินการในรูปแบบของซาฟารี ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งแต่ประการใด
...
ขณะที่นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า คณะวนศาสตร์และนักวิจัยมานำเสนอแนวคิดของโครงการให้กรมป่าไม้ได้รับทราบแล้วเมื่อต้นปี 62 พบว่าพื้นที่ดำเนินโครงการอยู่ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านบึงเจริญ เนื้อที่ 4,700 ไร่ พื้นที่เตรียมจัดตั้งป่าชุมชนบ้านห้วยเปล้า 2,812 ไร่ พื้นที่แหล่งน้ำที่เป็นเขื่อนทับเสลา 6,406 ไร่ อยู่ระหว่างกรมชลประทานขอต่ออายุการใช้ประโยชน์ที่ดินกับกรม ป่าไม้ รวมทั้งมีประชาชนอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่โครงการบางส่วน ทราบว่ามีประชาชนบางกลุ่มยังไม่เห็นด้วย จึงยังมิได้ตัดสินใจสำหรับการดำเนินโครงการนี้
อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ได้ให้คณะนักวิจัยไปจัดทำขอบเขตพื้นที่ให้ชัดเจน พร้อมทั้งศึกษารายละเอียดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่และสร้างการรับรู้ความเข้าใจ ร่วมกันของทุกหน่วยงานถึงผลประโยชน์ที่พี่น้องประชาชนจะได้รับและการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกกิจกรรม ควรมีแผนงานที่ชัดเจนครบวงจร ระบุหน่วยงานรับผิดชอบ แหล่งที่มาของงบประมาณการ บริหารจัดการการดำเนินงานโครงการที่สามารถดูแลโครงการได้ด้วยตนเองได้ กรมป่าไม้เห็นควรให้ตั้งคณะทำงานร่วมกันกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ พิจารณาโครงการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
วันเดียวกัน นายโสภณ ทองดี โฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวว่า การดำเนินการจะต้องยึดแนวนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรฯ เป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เนื่องจากเป็นพื้นที่มรดกโลกที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าไม้และจะต้องเกิดประโยชน์กับประชาชนโดยรอบ เป็นที่ยอมรับของสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย