ความเจริญก้าวหน้าของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เคยเป็นเมืองทางผ่านขนาดเล็ก กลายเป็นเมืองถูกพัฒนาเจริญรุ่งเรืองน่าอยู่ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผลทั้งหมด เกิดมาจากแรงกาย “นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรี คนที่ 21” ที่ได้จากไปครบ 3 ปีแล้ว แต่คนสุพรรณบุรียังระลึกถึงคุณงามความดีทั้งหลายอยู่เสมอ...

สร้างเป็นอนุสาวรีย์ “บรรหาร ศิลปอาชา” มีความสูง 2 เท่าของความสูงจริง บนหน้าอกซ้ายตำแหน่งของหัวใจ บรรจุอัฐิของนายบรรหารไว้ ถูกตั้งอย่างโดดเด่นสง่างามใจกลางอุทยานสัจจะและกตัญญู ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี เสมือนถูกหล่อหลอมออกมาจากใจของชาวสุพรรณบุรี ร่วมใจสร้างขึ้น เพื่อรำลึกถึงผู้อุทิศเวลาทั้งชีวิตในการพัฒนาจังหวัดแห่งนี้ ให้เจริญก้าวหน้าในทุกด้าน ดังที่เคยพูดเสมอว่า “จะทำอะไรต้องเริ่มจากใจ ด้วยสัจจะและกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด”...

ทั้งวันมีผู้คนแวะเวียนผ่านมาอนุสาวรีย์ ต้องมาระลึกถึงผู้ที่สร้างเมืองแห่งนี้ให้น่าอยู่และยิ่งใหญ่ตราบเช่นทุกวันนี้ อย่าง ณัฐนิชา ม่วงรื่น อายุ 58 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี เล่าว่า สมัยมัธยมศึกษาตอนต้น ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี เป็นเมืองเล็กๆ ถูกมองข้ามจากคนภายนอก และไม่มีใครรู้ หรือสนใจ เพราะการเดินทางลำบาก ถนนหนทางยังเป็นถนนลูกรัง ในช่วงไปโรงเรียนต้องพากันเดินระยะทาง 2-4 กิโลเมตร

ทว่า...เวลาอ่านหนังสือยิ่งมีความลำบาก เพราะไม่มีไฟฟ้า คนในหมู่บ้านใช้ตะเกียงส่องสว่าง ยกเว้นครอบครัวที่ฐานะดีพอ มีไฟฟ้าใช้ในครอบครัว แต่ก็มีไม่กี่ครัวเรือน ชีวิตของชาวบ้านอยู่กันแบบวิถีชาวไร่...ชาวนา ใช้น้ำอุปโภค...บริโภค ตามลำคลอง หรือบ่อน้ำ ไม่มีระบบน้ำประปาเหมือนทุกวันนี้

ตั้งแต่ปี 2519 นายบรรหารได้รับความไว้ใจจากพี่น้องเทคะแนนเสียง และผ่านการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตลอดมา กระทั่งปี 2538 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย

...

จากนั้น “สุพรรณบุรี” พลิกจากหลังมือ...เปลี่ยนเป็นหน้ามือ ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เริ่มปรับปรุงถนนลูกรัง กลายเป็นถนนคอนกรีต และถนนลาดยาง มีรถประจำทางวิ่งระหว่างอำเภอและจังหวัด ประชาชนเดินทางมีความสะดวกสบายมากขึ้น

มีการพัฒนาแหล่งการศึกษา ทั้งโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1-7 วิทยาลัยพยาบาล วิทยาลัยสาธารณสุข วิทยาลัยพลศึกษา ศูนย์พัฒนาเกษตรกรรม ไม่ใช่พัฒนาเฉพาะโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังใส่ใจลงมาคลุกคลีกับบุคลากรด้านการศึกษา ให้ทราบถึงปัญหาและแก้ไขให้ถูกจุด พร้อมส่งเสริมทุกด้าน...นักเรียน นักศึกษา จบในสถานศึกษาแห่งนี้ต่างมีคุณภาพ หลายคนประสบความสำเร็จเป็นบุคลากรสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ

“เพราะท่านเป็นคนติดดิน อยู่กินแบบเรียบง่าย ไม่ถือตัวเองว่าเป็นคนใหญ่...คนโต ประชาชนเข้าถึงได้ทุกคน และชอบพัฒนาการศึกษา ถนน วัดวาอาราม...เอาใจใส่การทำงานทุกด้าน มีความตั้งใจ คิดทำอะไรต้องทำให้สำเร็จ และงานที่ทำลงไปต้องมีคุณภาพดีเยี่ยม...”

นับแต่ท่านจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ รู้สึกเศร้าเสียใจ เสมือนสูญเสียบุคคลสำคัญที่เป็นเสาหลักของบ้าน แต่ก็ยังมีความรู้สึกดีใจที่ได้เกิดเป็นคนสุพรรณบุรี และภูมิใจ มีผู้นำที่เก่ง นำสิ่งสวยงาม มุ่งมั่น พัฒนา มามอบให้กับเราวันนี้ ไม่มีท่านแล้วรู้สึกใจหายและเสียใจ

“ตลอดชีวิตก้าวสู่การเมืองของนายบรรหาร แม้ได้ดิบได้ดี แต่ท่านไม่เคยลืมบ้านเกิดตัวเอง ต้องหันมาคอยมองถึงความเป็นอยู่ชาวบ้านเสมอว่าพวกเราอยู่กินอย่างไร มีความลำบากแค่ไหน และนำความเจริญเข้ามาให้เมืองสุพรรณบุรี และพยายามทำทุกอย่าง ทุกโครงการ เพื่อให้คนมีอยู่มีกินที่ดีขึ้นมาถึงทุกวันนี้...” ณัฐนิชาว่า

สิ่งสุดท้าย...ที่ท่านพยายามสร้าง คือ เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม 5 ชั้น อุทยานพุทธบัญชา (พระยูไล) ที่ประดิษฐานองค์พระยูไล หล่อด้วยทองเหลือง รายล้อมด้วยพระอรหันต์ จำนวน 18 องค์ ในอุทยานมังกรสวรรค์มีแผนเปิดเป็นทางการในวันที่ 19 ส.ค.2559 แต่ก็มาเสียชีวิตก่อน...

การมี “อนุสาวรีย์ บรรหาร ศิลปอาชา” ที่จะเรียกความเชื่อมั่นศรัทธาให้คนสุพรรณบุรี ทั้งการเมืองและด้านการพัฒนา เสมือนท่านกลับมาอยู่บ้านเกิดอีกครั้ง คอยยืนมองให้กำลังใจทุกคน คอยเตือนสติ ให้ยึดหลักการทำงานอย่างท่านเป็นต้นแบบ...

ด้วยการทำตัวให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม เริ่มที่ตัวเองก่อน อย่าไปมองที่ตัวคนอื่น

เคยมีปัญหาครอบครัว และคิดหาทางออกมาหลายวัน และมากราบไหว้อนุสาวรีย์บรรหารฯ เพราะคิดว่าท่านเป็นคนเก่ง แก้ปัญหาให้กับคนได้มากมาย แต่ในระหว่างนั้นได้มองไปยังใบหน้าของท่าน เหมือนมีคนมาสะกิดเตือนสติค่อยๆ คิดหาทางออกเป็นขั้น เป็นตอน เหมือนแสงสว่างมาช่วยแก้ปัญหาได้สำเร็จ...

แต่อย่างไรก็ตาม คนสุพรรณบุรียังมีผู้นำถูกส่งไม้ต่อมาจากท่าน อย่างเช่น กัญจนา ศิลปอาชา หน.ชาติไทยพัฒนา และ วราวุธ ศิลปอาชา ตัวแทนสืบสานปณิธาน ผู้ที่จะนำพาบ้านเมืองพัฒนาเดินต่อไป แม้ไม่เก่งมากมายเทียบเท่ากับนายบรรหาร แต่คิดว่ามีความตั้งใจในการทำงาน เพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่...

เช่นเดียวกับความรู้สึกของ เกษม ไทยวงษ์ อายุ 36 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี ที่มีความศรัทธาต่อนายกฯคนที่ 21 บอกว่า จุดเด่นเมืองสุพรรณบุรี คือ ถนนตัดผ่านกลางเมือง และมีไฟส่องสว่างขนาดใหญ่ จากการนำเอาข้อด้อยพื้นที่ทุรกันดาร เคยเป็นเมืองผ่าน ไม่เคยมีใครสนใจ นำมาพัฒนาให้เป็นเมืองที่เจริญขึ้น จนมีชื่อเสียงโด่งดัง

แม้ว่า...จ.สุพรรณบุรี ไม่มีแหล่งท่องเที่ยว แต่มีแนวคิดทำในสิ่งที่ไม่มี ...สร้างขึ้นมาให้มีขึ้นใหม่ อาทิ หอคอยบรรหารแจ่มใส หมู่บ้านมังกรสวรรค์ บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ และยังมีสถานที่อีกมากมาย พูดออกมาไม่หมด

บอกเล่าถึงการเกิดขึ้นจากแรงผลักดันของชายร่างเล็กที่ชื่อว่า “บรรหาร ศิลปอาชา” ต้องการเห็นบ้านเกิดของตัวเองมีความเจริญเทียบเท่าจังหวัดอื่น จนมีเอกลักษณ์โดดเด่นโชว์คนอื่นได้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ดึงคนสนใจ เข้ามาชมความงดงาม สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนให้พื้นที่

...

อีกทั้งยังส่งเสริมด้านการกีฬา เป็นต้นแบบของสถาบันอื่นทั่วประเทศ

ความดีของท่าน...เกิดเป็นแรงศรัทธากับพี่น้อง ต่างยกย่องเป็นผู้นำตัวอย่าง และถูกถ่ายทอดออกมาเห็นได้ชัด ในแต่ละวันมีประชาชนที่เคารพรัก เข้ามาชมอุทยานมังกรสวรรค์ มักแวะเข้ามาเคารพอนุสาวรีย์บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 เพื่อรำลึกเกียรติคุณบุคคลที่ถูกเรียกว่า “มังกรสุพรรณ”

“อนุสาวรีย์นี้ไม่เน้นกราบไหว้ แต่เน้นเรื่องความศรัทธา ความประทับใจ ท่านเคยสร้างความอุ่นใจให้กับเรา เสมือนว่าท่านกลับมาอยู่บ้านเกิด ยังเป็นเสาหลักคอยปกป้องคุ้มครองบ้านเมืองให้ร่มเย็น สิ่งสำคัญท่านนั่งอยู่ในใจของคนสุพรรณฯตลอดเวลา” เกษมว่า

แม้ว่าการสูญเสียครั้งนี้เหมือนเสีย “มังกรสุพรรณ” แต่ยังมีตัวแทนอย่าง กัญจนา ศิลปอาชา และ วราวุธ ศิลปอาชา เคยประกาศว่า จะสืบทอดแนวทางที่คุณพ่อวางไว้ คอยดูแลช่วยเหลือคนสุพรรณบุรีต่อจากพ่อ

ยึดหลัก สัจจะ กตัญญู มุ่งมั่นทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ส่วนการเมืองจะไปในทิศทางใด จะร่วมรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน...คนสุพรรณบุรีก็ยังรักศรัทธาพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่...

ดั่งคำโบราณที่ว่า ลูกน้อยหน่า หล่นจากต้น...ยังไงก็เป็นลูกน้อยหน่า ไม่มีทางกลายเป็นลูกฝรั่งไปได้ ดังนั้น พ่อเคยทำดีอย่างไร ลูกของพ่อก็ต้องเดินตามแบบอย่างเหมือนพ่อบรรหารแน่นอน...

เพราะการทำหน้าที่ของชายร่างเล็กที่ชื่อว่า “บรรหาร ศิลปอาชา” ผู้ทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งมวลให้แก่บ้านเกิดเมืองนอนกว่า 40 ปี มีการพัฒนาให้เจริญรุ่งเรือง จนถูกกล่าวขานโด่งดังไปทั่วประเทศ

และมีความรำลึกถึงคุณงามความดีอยู่เสมอ เพราะท่านคือพ่อเมือง ...เอกบุรุษแห่งเมืองสุพรรณ...