ร้องศธ.จว.กก.คุรุสภาเสนอเชือดถอนอาชีพ

“ครูปรีชา” วิ่งวุ่น โร่ร้อง ขอความเป็นธรรมศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี กรณีถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ก่อนไปฟังคำพิจารณาที่ศาลคดียื่นฟ้อง “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” นำคลิปเสียงคดีหวย 30 ล้านบาทไปเผยแพร่ ศาลยกคำร้องไม่ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล แต่วางข้อกำหนดห้ามนำเอกสารหรือวัตถุพยานที่ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลไปเผยแพร่สู่สาธารณะอีกเด็ดขาด ด้านคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของคุรุสภาสรุปผลสอบ “ครูปรีชา” มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ต่อวิชาชีพครู ส่งเรื่องให้ กมว.พิจารณาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เจ้าตัวแจงคำสั่งโดนเด้งเข้ากรุ สพม. เขต 8 ไม่ได้ถูกลงโทษทางวินัย แต่ให้ไปทำโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ 1 เดือน

กรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ครู ชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี คู่กรณีของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ คดีหวยอลเวง 30 ล้านบาท ถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 8 พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เนื่อง จากถูกดำเนินคดี 2 ข้อหาคือแจ้งความเท็จแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญาและสนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ความคืบหน้าที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) กาญจนบุรี เมื่อเวลา 07.50 น. วันที่ 21 มิ.ย. นายปรีชา ใคร่ครวญ เดินทางเข้าพบนายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยมีนายโชคชัย ฟักโต ผอ.โรงเรียนวัดพระแท่นดงรัง ฐานะคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ฝ่ายกฎหมาย เข้าร่วมรับฟัง ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ

จากนั้นนายปรีชาเดินทางไปที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรับฟังคดีหมายเลขดำที่ ลบ.1/61 ที่ศาลนัดพร้อมสอบข้อเท็จจริงกรณีที่นายปรีชายื่นฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรม ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำคลิปเสียงเกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้านบาท ไปเผยแพร่เป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ โดยนายอัจฉริยะได้เดินทางมาที่ศาลเช่นกัน จากนั้นทั้งสองฝ่ายเข้าฟังคำไต่สวนที่ห้องพิจารณาคดี ศาลสอบถามที่มาของคลิปเสียง นายอัจฉริยะชี้แจงว่า มีพลเมืองดีส่งมาให้และส่งไปให้หลายที่ไม่ใช่เฉพาะของตนคนเดียว โดยไม่ทราบว่าคลิปเสียงนั้นได้ส่งไว้เป็นพยานหลักฐานที่ศาลแล้ว หากทราบว่าเป็นเอกสารหรือวัตถุพยานที่ส่งไว้ต่อศาลก็คงไม่นำออกมาเผยแพร่ และยืนยันกับศาลว่าไม่มีเจตนาชี้นำ แต่เป็นการนำเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบเท่านั้น

...

หลังฟังคำชี้แจง ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายอัจฉริยะไม่ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล เนื่องจากขณะนั้นศาลยังไม่ได้มีข้อกำหนดในกรณีดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางรูปคดีและเพื่อให้กระบวนการพิจารณาเป็นไปด้วยความยุติธรรม รวดเร็ว ศาลจึงวางข้อกำหนดห้ามมิให้นายอัจฉริยะนำเอกสารทุกชนิด ทุกประเภท ที่ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลไปเผยแพร่สู่สาธารณะไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น หากขัดขืนไม่ปฏิบัติตามจะเข้าข่าย ละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1)

หลังฟังคำพิจารณาของศาล นายปรีชากล่าวว่า ตอนนี้หากถามว่ารู้สึกอย่างไร คงตอบได้ไม่เต็มปากว่ามีความสุขสบายดีเพราะตนมีคดี ไม่อยากให้ข่าวกับสื่อแล้วเพราะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีคำสั่งย้ายตนไปช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 เป็นมาตรการลงโทษทางวินัยนั้น ขอปฏิเสธว่า ไม่ได้ถูกลงโทษทางวินัย แต่เป็นการให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. ถึง 6 ก.ค. และวันนี้ได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแล้วเพื่อขอความเป็นธรรม

ด้านนายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาต้องรอให้คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงชุดที่ ศธจ.กาญจนบุรี แต่งตั้งขึ้นสรุปผลการสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน หากสรุปผลออกมาว่า กระทำผิดวินัยร้ายแรงจะนำระดับโทษที่มีการชี้มูลความผิดนั้นมาประกอบการพิจารณาพักใช้ ยกเลิก หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูต่อไป ส่วนคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงชุดที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาแต่งตั้งไปตรวจสอบพฤติกรรมของนายปรีชา ขณะนี้สรุปผลการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วว่านายปรีชามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อวิชาชีพครู หลังจากนี้จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) พิจารณาในเรื่องใบอนุญาตประกอบวิชาชีพต่อไป แต่ขณะนี้คณะกรรมการ กมว. ยังว่างอยู่เนื่องจากคณะกรรมการพ้นสภาพไปและยังไม่มีคณะกรรมการชุดใหม่ จึงต้องรอให้มี กมว. ชุดใหม่ก่อนจึงจะพิจารณาเรื่องต่อไปได้