"ผจก.โครงการ" แจงดราม่า "บ้านอยู่สบาย นครปฐม" ยันไม่ละเลยดูแลลูกบ้าน เพิ่มมาตรการ รปภ.เข้มงวดสูงสุด หลังเกิดเหตุขโมยยกเค้าขึ้นบ้าน "ผกก.นครปฐม" เผยรอยนิ้วมือคนร้ายไม่ตรงข้อมูลอาชญากร แถมยังไม่พบทรัพย์สินขายทอดตลาด

วานนี้ (1 มิ.ย.61) จากกรณีที่ น.ส.ภาปณัฐ สุขอนันต์ และนายเจษฎา หาริแสง นักธุรกิจเครื่องสำอาง เจ้าของบ้านในโครงการบ้านอยู่สบาย 8 ต.ห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม ออกมาเปิดเผยกรณีที่ถูกบุคคลภายนอกเข้าไปลักทรัพย์สินมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พร้อมกล่าวหาทางโครงการว่า บกพร่องต่อการดูแลและรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้าน และไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาเบาะแสติดตามตัวคนร้าย นอกจากนี้ผู้เสียหายยังได้ขึ้นป้ายประท้วงทางโครงการ ด้วยข้อความที่ไม่เหมาะสมและเผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้น

นายวิชัย ไทยอ่อน ผู้จัดการโครงการบ้านอยู่สบาย 8 ต.ห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้ชี้แจงว่า ทางโครงการฯ ไม่ได้ละเลยการดูแลความปลอดภัยลูกบ้าน หลังเกิดเหตุโจรกรรมที่บ้านพักของลูกบ้านรายดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 ม.ค.61 ตัวแทนโครงการฯ ลงพื้นที่รับทราบปัญหา และในวันต่อมาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพิสูจน์หลักฐาน และตั้งรางวัลนำจับให้กับผู้ให้เบาะแสคนร้าย เพื่อนำข้อมูลไปประกอบการจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษ นอกจากนี้โครงการฯ ยังได้เพิ่มมาตรการปลอดภัยขั้นสูงสุดเป็นการเร่งด่วน ทั้งการเพิ่มจุดตรวจและรถสายตรวจในหมู่บ้าน เพิ่มไฟฟ้าส่องสว่างตามแนวรั้ว ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมจาก 10 จุด เป็น 16 จุด และเพิ่มความสูงของแนวรั้ว พร้อมขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจในพื้นที่โครงการเป็นระยะๆ ด้วย ทำให้ไม่พบเหตุการณ์โจรกรรมเกิดขึ้นในหมู่บ้านอีก

ด้าน นายพล ไทยอ่อน ที่ปรึกษาโครงการบ้านอยู่สบาย 8 กล่าวเสริมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการประสานกับลูกบ้านที่ได้รับความเสียหาย และรับเรื่องร้องเรียน ไปแก้ไขโดยเฉพาะการจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยรายใหม่ อย่างไรก็ตามทางโครงการฯ เข้าใจในความทุกข์ร้อนของลูกบ้าน และความไม่พอใจหลังบ้านพักถูกลักทรัพย์ แต่ทางโครงการยืนยันว่าเราไม่ได้ละเลยความรับผิดชอบ อีกทั้งการประกอบกิจการของโครงการฯ ก็ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งที่เกี่ยวข้องกับอาคารบ้านเรือน การจัดสรรที่ดินและการคุ้มครองผู้บริโภค

...

"สิ่งที่ลูกบ้านขึ้นป้ายด้วยข้อความไม่เหมาะสม สร้างความเสียหายกับโครงการ ที่ผ่านมาเราเจรจาหาทางออก แต่ลูกบ้านก็ยังไม่หยุด เราจึงทำข้อตกลงร่วมกันถึงการห้ามกระทำเรื่องดังกล่าวอีก แต่ก็ยังพบการกระทำเช่นเดิม ตรงนี้ถือว่าทำให้โครงการเสียหาย" นายพล กล่าว

นายพล กล่าวด้วยว่า สำหรับประเด็นที่ลูกบ้านไปร้องเรียนกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จ.นครปฐม และทาง สคบ.เรียกผู้แทนโครงการไปชี้แจง เพื่อทำการเจรจาไกล่เกลี่ย ทางเราให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไปชี้แจงและบันทึกข้อตกลงจนเป็นที่พอใจของ ทั้ง 2 ฝ่าย แต่ทางลูกบ้านยังไปร้องต่อ สคบ.เป็นครังที่ 3 ซึ่งตรงนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ส่วนประเด็นของมูลค่าทรัพย์สินที่สูญหายของลูกบ้านนั้น ยังไม่มีรายการหรือเอกสารยืนยันว่าสิ่งที่หายไปมีกี่รายการหรือมูลค่าเท่าใด

ในส่วนของความคืบหน้าทางคดีนั้น พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม กล่าวยอมรับว่า คดียังไม่มีความคืบหน้ามากนัก เพราะผลการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงที่เก็บได้จากบ้านที่เกิดเหตุไม่ตรงกับข้อมูลอาชญากร ส่วนเบาะแสอื่นๆ เช่น การนำภาพถ่ายภาพพระเครื่อง และทองรูปพรรณ ไปยังร้านค้า และโรงรับจำนำในพื้นที่ แต่ยังไม่พบว่ามีใครนำสิ่งของที่ถูกโจรกรรมมาติดต่อขายหรือจำนำแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้เรายังรอเบาะแสอื่นที่เกี่ยวข้อง และหากมีผู้ต้องสงสัยจะขอให้มาพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อนำมาเปรียบเทียบหาผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ต่อไป.