ใครอุตริปล่อยให้นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มากำจัดในไทย?
คำถามนี้ผุดขึ้นมาทันที หลัง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. นายสุรพล ชามาตย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม พล.ต.วรยุทธ แก้ววิบูลย์พันธุ์ ผบ.พล.ร.11 และ นายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นำกำลังตำรวจ-ทหาร บุกจับโรงงานรีไซเคิลขยะอุตสาหกรรมบริษัทดับบลิว เอ็ม ดี ไทย รีไซคลิ้ง จำกัด (สำนักงานใหญ่) เลขที่ 33 หมู่ 12 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา
ในพื้นที่โรงงานกว่า 100 ไร่ มีเตาหลอมแร่ธาตุต่างๆสารพัดชนิด ที่อยู่ในแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อคัดแยกตะกั่ว เหล็ก ทอง และทองคำขาว
โดยเฉพาะแร่ธาตุหายาก อาทิ เทอร์เบียมและดิสโพรเซียม ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของสิ่งประดิษฐ์ยุคใหม่ ทั้งแบตเตอรี่รถไฮบริด โทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงอุปกรณ์ควบคุมจรวดแบบไฮเทคต้องใช้
เป็นที่รู้กันว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ถ้าจะกำจัดให้ถูกต้อง
มีค่าใช้จ่ายมหาศาล และมีสารตกค้าง
แม้แต่ประเทศจีนเอง ยังไม่อนุญาต!
หรือถ้าใครจำกันได้ เคยมีกรณีคนออกมาโวยวายว่า มีนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหัวใสมาเช่าพื้นที่ท่าเรือคลองเตยเก็บสินค้า แต่ที่จริงแล้วภายในตู้คอนเทนเนอร์กลับเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด
พอนานวันมันเน่า สารเคมีเริ่มส่งกลิ่นเหม็น สร้างมลพิษมหาศาล ไม่รู้ว่าถึงวันนี้เอาออกไปหมดหรือยัง?
ทำให้เห็นว่า เสียเงินค่าเช่าวางตู้คอนเทนเนอร์ ถูกกว่าเอาไปกำจัด!
แต่งานนี้ดันมีคนปล่อยให้นักธุรกิจต่างชาติเลวๆ ขนขยะที่มีสารพิษมหาศาลมากำจัดในประเทศซะงั้น?
อย่างนี้ต้องตามขุดคุ้ยลากคอเอาคนร่วมขบวนมาดำเนินคดีให้หมด ทั้งคนให้ใบอนุญาต กรม-กองที่มีหน้าที่ตรวจสอบดูแลแล้วเอาหูไปนา เอาตาไปไร่
โดยเฉพาะไอ้ประตูบ้านผุๆที่ปล่อยให้ขยะเหล่านี้ผ่านเข้ามาในประเทศโดยไม่ตรวจสอบ?
...
ไม่อยากคิดว่า ถูกอะไรอุดหูปิดตา เลยปล่อยให้ขยะพิษที่ทำร้ายทั้งสภาพแวดล้อม และสุขภาพของเพื่อนร่วมชาติ และยังตกค้างอยู่อีกเป็นร้อยเป็นพันปีเข้ามาง่ายๆ?!?
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา เปิดงานมาแล้ว ทำให้จบแบบสวยหรูทีเถอะครับ
คิดว่าได้บุญจากชาวบ้านที่จะถูกสารพิษเหล่านี้กัดกร่อนอีกไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคน?
สหบาท