สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จฯทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะ ทรงร่วมสดับพระพิธีธรรม พร้อมทรงลงพระปรมาภิไธยและพระนามาภิไธยในสมุดแสดงความเสียพระราชหฤทัย พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ด้านสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร มั่นใจจัดทำประติมากรรมประดับพระเมรุมาศเสร็จตามแผนงาน ขณะที่การคัดเลือกช่างจิตอาสาได้แล้ว 19 คน เชี่ยวชาญในการปั้น มาช่วยงานทั้งขึ้นรูปและทำลวดลาย

ในวันครบรอบการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่ 144 เมื่อวันที่ 5 มี.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชานุญาตให้องค์กรภาคเอกชน ตลอดจนมูลนิธิ สมาคมต่างๆ ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง หลังเสร็จสิ้นพิธีหลวง หรือพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) ถวายพระบรมศพ ต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 43 และในเวลา 16.00 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช เสด็จมาเป็นประธานในพิธีคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร 400 รูปเจริญพระพุทธมนต์ และเจริญจิตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งมหาเถรสมาคม ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธีด้วย

...

ด้านบรรยากาศการไว้อาลัยและถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตลอดทั้งวัน พสกนิกรจากทั่วประเทศ อาทิ จังหวัดหนองคาย เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม ฯลฯ ยังคงทยอยมาต่อแถวเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างไม่ขาดสาย ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้จะมีคำแนะนำมาโดยตลอดเรื่องการแต่งกายสำหรับผู้ที่จะเข้าถวายสักการะพระบรมศพ แต่ยังคงมีที่แต่งกายไม่ถูกระเบียบและมาใช้บริการยืมผ้าถุงของกรุงเทพมหานคร โดยยอดยืมผ้าถุงในวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา มีจำนวน 940 คน รวมยอดตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.59-4 มี.ค.60 มีจำนวนทั้งสิ้น 84,582 คน และในวันที่ 6 มี.ค.กระทรวงวัฒนธรรมจัดทีมสายตรวจวัฒนธรรม ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิของกระทรวง ลงพื้นที่สนามหลวงให้คำแนะนำในการแต่งกายที่เหมาะสมพร้อมกับแจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์การแต่งกายที่ถูกต้องให้กับประชาชนอีกด้วย

ส่วนความคืบหน้าการจัดทำประติมากรรมประดับพระเมรุมาศในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายประสพสุข รัตน์ใหม่ หัวหน้ากลุ่มประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ว่าคณะช่างได้ปั้นวัวและทำพิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมขนย้ายนำไปหล่อไฟเบอร์กลาสที่โรงปั้นหล่อประติมากรรม ท้องสนามหลวงในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ส่วนการลงสีม้าที่ช่างจิตรกรรมได้ทดลองลงสีนั้น เมื่อแล้วเสร็จจะต้องพิจารณาดูความกลมกลืนเข้ากับสถาปัตยกรรมการออกแบบพระเมรุมาศอีกครั้ง ส่วนการจัดสร้างองค์มหาเทพ 4 องค์นั้น ได้หล่อไฟเบอร์กลาสพระพรหมแล้ว ส่วนพระวิษณุอยู่ระหว่างการตกแต่งรายละเอียดของฉลองพระองค์ต่างๆ ซึ่งจะเสร็จตามกำหนดกลางเดือน มี.ค.นี้

นายประสพสุขกล่าวอีกว่า สำหรับพระอินทร์อยู่ระหว่างการปั้นขึ้นรูป โดยการปั้นครั้งนี้จะใช้ศิลปะตามแบบสมัยรัชกาลที่ 9 มีลักษณะคล้ายกับพระวิษณุ โดยมีรูปกายที่งดงาม ผิวสีเขียว พระหัตถ์ถือวัชระเพื่อใช้ปราบพฤตาสูร หรือ ผีร้ายแห่งความแห้งแล้ง ครองฉลองพระองค์และเครื่องประดับ ตลอดจนศาสตราวุธ และดอกบัว ความสูงรวมฐาน 2.75 เมตร ขณะที่องค์พระศิวะ หรือพระอิศวร อยู่ระหว่างการขึ้นรูปด้วยดินเหนียว ซึ่งการจัดสร้างองค์มหาเทพอีก 3 องค์คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ นอกจากนี้ ยังปั้นเทวดานั่ง เทวดายืนเสร็จไปแล้วหลายองค์ อย่างไรก็ตาม การจัดสร้างประติมากรรมทั้งหมดกำหนดแผนงานว่าจะต้องเสร็จจนถึงขั้นทำพิมพ์ส่งไปหล่อไฟเบอร์กลาส พร้อมลงสี ที่ท้องสนามหลวง ภายในเดือนเมษายน

“ส่วนการจัดสร้างนั้นจะเสร็จตามแผนงานที่วางไว้ โดยขณะนี้ได้คัดเลือกช่างจิตอาสาที่เข้ามาทดสอบฝีมือตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.ได้แล้ว 19 คน แต่ละคนจะมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับการปั้น เป็นช่างปั้นมีความเชี่ยวชาญในการปั้นต่างๆ บางคนสามารถเข้ามาช่วยงานเป็นผู้ช่วยช่างปั้นทั้งการทำลวดลาย ขึ้นรูปได้ นอกจากนี้ยังเข้ามาช่วยเรื่องของการเตรียมดินสำหรับการขึ้นรูป และช่วยงานด้านต่างๆ แต่จะอยู่ในความดูแลของช่างประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ การปั้นทุกด้านออกมาอย่างงดงามสมพระเกียรติที่สุด” หัวหน้ากลุ่มประติมากรรม กล่าว

นอกจากนี้ วันเดียวกัน เวลา 13.45 น. ที่ท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศ สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินพระที่นั่งเที่ยวบินพิเศษของรัฐบาลญี่ปุ่น ถึงประเทศไทย โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้แทนรัฐบาลและภริยา พร้อมด้วยอธิบดีกรมพิธีการทูต นายจิตรพัฒน์ ไกรฤกษ์ รองราชเลขาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ประจำสมเด็จพระจักรพรรดิ นายณรงค์ฤทธิ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ปฏิบัติหน้าที่ประจำพระองค์ ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ปฏิบัติหน้าที่ประจำสมเด็จพระจักรพรรดินี พร้อม พล.ร.อ.ประวิตร รุจิเทศ ราชองครักษ์ พล.อ.ศิวะ ภระมรทัต ราชองครักษ์ พล.อ.อ.อิทธิศักดิ์ ศรีสังข์ ราชองครักษ์ และ พล.ต.ท.อรรถกร ทิพยโสธร นายตำรวจราชสำนักประจำ เฝ้าฯรับเสด็จ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปประทับ ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ

...

ต่อมาเวลา 18.00 น. สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากโรงแรมที่ประทับ มายังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงสดับพระพิธีธรรม จากวัดอนงคารามวรวิหาร และวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรม 1 จบ จากนั้น สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเสด็จออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปอาคารสำนักราชเลขาธิการ ทรงลงพระปรมาภิไธยและพระนามาภิไธยในสมุดแสดงความเสียพระราชหฤทัย ก่อนเสด็จออกจากอาคารสำนักราชเลขาธิการ ไปยังพระที่นั่งอัมพรสถาน ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงรับสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ณ ห้องเฝ้า ก่อนสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จฯกลับโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมที่ประทับ โดยรถยนต์พระที่นั่ง