เจ้าของอู่เอชทีวายฯ นำเข้ารถยนต์ หอบเอกสารถูกปลอมใบเสร็จยื่นดีเอสไอ ยันไม่เกี่ยวข้อง นำเข้า 'เบนซ์' สมเด็จช่วง แจง บริษัทปิดไปแล้ว 2 ปี เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ด้านดีเอสไอ ย้ำให้ สมเด็จช่วง ติดต่อนำรถมามอบให้ภายในอาทิตย์นี้...
จากกรณี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ แถลงข่าวการตรวจสอบรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ โบราณหรือคลาสสิกคาร์ สีไข่ไก่ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งเป็นประธานมหาเถรสมาคม ว่าเป็นรถที่นำเข้าผิดกฎหมายทุกขั้นตอน เมื่อต่อมานายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของบริษัทแอนซีทรานสฟอร์เมอร์ จำกัด เลขที่ 70/9 ถนนเพชรเกษม ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นอู่ที่ประกอบรถเบนซ์โบราณดังกล่าว และนางกาญจนา มาเหมือน อายุ 69 ปี เจ้าของอู่ N.P.การาจ ที่โดนปลอมลายเซ็นในการจดประกอบรถสมเด็จช่วงเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 13.30 น. นายวีระชัย อินทร์ประเสริฐ อายุ 48 ปี และ น.ส.พรทิพย์ รุ่งรัตน์ธวัชชัย อายุ 47 ปี เจ้าของ หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท เลขที่ 27 พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 10 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รอง ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ หลักถูกปลอมใบเสร็จรับเงินว่า เป็นสถานที่ประกอบรถเบนซ์ ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จช่วงฯ ทั้งนี้ นายวีระชัย ได้นำเอกสารใบเสร็จจริงและปลอม มามอบให้ ร.ต.อ.สุรวุฒิด้วย
นายวีระชัย เผยว่า หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท ของตนประกอบธุรกิจนำเข้าเครื่องยนต์ จักรยานยนต์ และจักรยานจากญี่ปุ่น แต่ปิดกิจการมา 2 ปีแล้ว เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ส่วนที่มาพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพราะถูกโยงไปเกี่ยวข้องในการจดประกอบรถเบนซ์คันที่เป็นข่าว โดยใบกำกับภาษีของบริษัทปลอมนำชื่อ หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท ของตนมาใช้ อีกทั้งยังมีชื่อ นางกาญจนา มาเหมือน เป็นผู้จ่ายเงินค่าจ้างประกอบรถยนต์ ตนไม่รู้จักนางกาญจนา และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งสิ้น
...
ด้าน น.ส.พรทิพย์ เผยว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอโทรศัพท์มาแจ้งตนว่า บริษัทตนนั้นเกี่ยวข้องกับคดีรถเบนซ์สมเด็จช่วง หัวกระดาษใบเสร็จรับเงินเป็น หจก. เอช ที วาย ออโต้พาร์ท และให้เข้าไปพบที่ดีเอสไอพร้อมได้รับคำแนะให้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน วันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา สามีตนเลยไปแจ้งความลงบันทีกประจำวันไว้ที่ สน.หลักสอง ไว้เป็นหลักฐาน เรื่องโดนปลอมเอกสารใบเสร็จรับเงินและกำกับภาษีการประกอบรถยนต์ ทั้งที่บริษัทตนไม่ได้ทำธุรกิจประกอบรถยนต์เลย และวันนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเลยให้เข้ามาพบ นำเอกสารมาแจ้งความลงบันทึกกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีของจริง มีรายละเอียดดังนี้ หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท เลขที่ 27 พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 10 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 3012106258
ขณะที่ใบเสร็จรับเงินและกำกับภาษีของปลอม มีรายละเอียดดังนี้ หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท เลขที่ 14/19 หมู่ 6 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. ผู้ซื้อชื่อ นางกาญจนา มาเหมือน (เจ้าของอู่ N.P.การาจ ที่โดนนำชื่ออู่ไปจดประกอบรถยนต์ และนำชื่อนางกาญจนาไปจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก) ลงวันที่ซื้อ 16 ส.ค.54 รายละเอียดระบุว่า ค่าแรงประกอบรถยนต์ เลขตัวถัง 18601400042/53 เลขเครื่องยนต์ 1869204500552 รวมเป็นเงิน 50,000 บาท แบ่งเป็น ค่าแรงและบริการ 46,500 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,500 บาท
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า หลังจากดีเอสไอแถลงเรื่องการตรวจสอบรถโบราณของ สมเด็จช่วง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาและรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ในกระบวนการต่อไปโดยระบบกฎหมายของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา ทางพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้รับผิดชอบ คือ สำนักคดีภาษีอากรจะรับตัวสำนวนไปดำเนินการสอบสวนต่อไป เรื่องการสอบสวนข้อปฏิบัติหลัก ได้แก่ 1.สำนักคดีเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหน่วยงานทำหน้าที่สืบสวนในชั้นต้น จะมีคำกล่าวโทษชี้ประเด็นในการสืบสวนพบความผิดในประเด็นเรื่องอะไร บุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง พร้อมส่งสำนวนพยานหลักฐานไปให้สำนักคดีภาษีอากรเพื่อดำเนินการสอบสวน โดยทางสำนักคดีภาษีอากรจะรวบรวมพยานหลักฐานตามคำกล่าวหาก่อน และถ้าตรวจสอบเห็นว่ามีความผิดเพียงพอก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่ถูกกล่าวหาและเมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว “ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญก็จะเป็นขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหา ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์จะนำพยานหลักฐานที่ตัวเองคิดว่าบริสุทธิ์มาหักล้างในชั้นการสอบสวนได้ เมื่อผลเป็นอย่างไรแล้ว พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาหลักฐานทั้งสองฝ่ายและมีความเห็นทางคดีส่งอัยการดำเนินการต่อไป เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ในการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากมีเอกสารเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญยังมีกระบวนการแก้ข้อหากล่าวหาที่ฝ่ายถูกแจ้งข้อกล่าวหาสามารถนำพยานหลักฐานมาหักล้างกันได้ด้วย เจ้าหน้าที่จึงต้องฟังความทั้งสองฝ่าย วิธีการสอบสวนเจ้าหน้าที่ทำทุกประเด็นทั้งหมดที่เกี่ยวกับพยานหลักฐาน ซึ่งทางสำนักงานภาษีอากรเอาสำนวนไปพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้วจะวางแผนการทำงานเพื่อออกมาเป็นรายละเอียดให้สื่อมวลชนได้รับทราบอีกครั้ง” พ.ต.ต.วรณัน กล่าว
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนทนายวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ว่ามีการประสานให้ข้อมูลเพิ่มเติม ตนไม่มั่นใจว่าติดต่อพนักงานสอบสวนมาหรือไม่ เพราะว่าสุดท้ายเมื่อทางคดีโอนไปที่ทางสำนักภาษีอากรแล้วจะต้องไปตรวจสอบแล้วจะเชิญพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบเช่นกัน สัปดาห์นี้จะมีการเรียก สมเด็จช่วง มาให้ปากคำหรือไม่ ทางพนักงานสอบสวนสำนักงานภาษีอากร ซึ่งรับเรื่องไปจะต้องพิจารณาสำนวนคดีก่อนพร้อมวางแผนจะดำเนินการอย่างไร คงจะกำหนดระยะเวลาไม่ได้ ต้องให้เวลาพิจารณาสำนวน ส่วนกรณีวัดปากน้ำภาษีเจริญ ไม่คืนรถให้ทางดีเอสไอหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคิดเห็นจากคณะพนักงานสอบสวนจนกว่าจะได้เห็นพยานหลักฐานในชั้นสอบสวน
ส่วนเรื่องรถ ทางดีเอสไอระบุว่า ภายในอาทิตย์นี้ได้ให้ทางสมเด็จช่วง ติดต่อนำรถมาคืน แต่ถ้าหากไม่คืนภายในอาทิตย์นี้ ทางดีเอสไอก็จะส่งเอกสารไปที่วัด เพื่อนำรถมาเก็บไว้ตรวจสอบ.