ศาลอาญากรุงเทพใต้อ่านคำพิพากษาฎีกาคดี "ชูวิทย์" และพวก รื้อบาร์เบียร์ย่านสุขุมวิทเมื่อ 13 ปีก่อน จบลงที่ แก้โทษจากจำคุก5ปี เหลือคนละ2ปี ไม่รอลงอาญา หลังยื่นคำร้องถอนคำให้การเดิม เปลี่ยนเป็นรับสารภาพตามฟ้อง ขอให้ลงโทษสถานเบา
เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2559 เวลา 09.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กับพวกรื้อบาร์เบียร์ย่านสุขุมวิท เมื่อปี 2546 คดีหมายเลขดำ ด.2150/2546 ตามที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ และกลุ่มผู้ค้า รวม 44 ราย ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายชูวิทย์, พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ และ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือ เสธ.แอ๊ป และพวกรวม 130 คน เป็นจำเลยที่ 1-130 ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์, บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ โดยเมื่อช่วงเช้า นายชูวิทย์ ได้ทำพิธีไหว้ศาลเจ้าแม่จำเนียรในบ้านพัก หลังโรงแรมเดวิส ก่อนที่จะเดินทางไปศาล
เมื่อนายชูวิทย์ มาถึงศาลได้สักการะศาลพุทธธรรมาภินายก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมกล่าวว่า พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล เนื่องจากอยากเป็นตัวอย่างให้กับนักการเมืองและประชาชนทั่วไปว่าจะต่อสู้คดีไม่หลบหนี แม้ว่าจะถอนคำให้การที่เคยปฏิเสธ มาเป็นการยอมรับสารภาพ ก็เป็นวิธีทางกฎหมายที่ตนได้สู้จนนาทีสุดท้าย
"ผมไม่เคยคิดแม้วินาทีเดียวจะหลบหนีไปนั่งจิบไวน์บนเรือยอร์ช ถ้าวันนี้จะติดคุก ถูกสื่อมวลชนนำไปพาดหัวยังไงก็พร้อม วันนี้พร้อมที่จะฟังคำพิพากษาโดยนำพระติดตัวมาด้วย"
พร้อมเชื่อว่า ปาฏิหาริย์มีจริง และหากถูกพิพากษาลงโทษให้จำคุก จะขอใช้ชีวิตในคุก ไม่ขออภัยโทษ จะขึ้นรถบัส ไปใช้ชีวิตนักโทษในเรือนจำ ตามปกติ เพราะเคยเป็นมาหมดแล้วทั้งเจ้าพ่อ หัวหน้าพรรค ตนเป็นได้ทุกอย่าง
...
ขณะที่ เมื่อเวลา 10.20 น. เจ้าหน้าที่ศาล ได้ดำเนินการเช็คชื่อจำเลยที่มาศาล เบื้องต้นยังขาดจำเลยอีก 20 คน ซึ่ง 1 ในนั้น คือ พ.ท.หิมาลัย
สำหรับคดีดังกล่าว ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2549 ศาลชั้นต้นยกฟ้องผู้ต้องหาเกือบหมด แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2555 ตัดสินให้นายชูวิทย์, เสธ.หิ และ เสธ.แอ๊ป กับพวกรวม 66 คน มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และใช้กำลังประทุษร้าย จำคุกคนละ 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยอีก 64 คน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้องตามศาลชั้นต้น จากนั้น พ.ท.หิมาลัย และ พ.ต.ธัญเทพ ได้ยื่นเงินสด 5 แสนบาท เพื่อประกันตัว ขณะที่นายชูวิทย์ได้รับการปล่อยตัว เพราะมีเอกสิทธิ์การเป็น ส.ส.ในขณะนั้นคุ้มครอง
จากนั้นศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2558 ซึ่งนายชูวิทย์เดินทางมาศาล ประกาศขอน้อมรับทุกคำตัดสิน แต่เนื่องจากวันดังกล่าวทนายจำเลยบางคนและนายประกันได้แจ้งต่อศาลว่ามีจำเลยบางคนเสียชีวิตแล้ว ศาลจึงต้องใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทนายความและนายประกัน ศาลจึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาเป็นช่วงเช้าวันที่ 15 ต.ค. 2558 แทน แต่นายชูวิทย์ ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิม เปลี่ยนเป็นรับสารภาพตามฟ้องเพื่อขอให้ศาลลงโทษสถานเบา จึงมีการเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกามาเป็นวันที่ 28 ม.ค. 2559
สำหรับคดีรื้อบาร์เบียร์ย่านสุขุมวิท เกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 26 ม.ค. โดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคนแต่งกายชุดซาฟารี พร้อมรถแบ็กโฮบุกเข้าทำลายร้านบาร์เบียร์ 60 ร้าน ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ บริเวณสุขุมวิทสแควร์ ซอยสุขุมวิท 10 ถนนสุขุมวิท แขวงและเขตคลองเตย จนเสียหาย จากกลุ่มนายทุนกลุ่มใหม่ได้ว่าจ้างให้เข้าไปรื้อร้านค้าของผู้เช่าเดิมเพื่อจะใช้พื้นที่ทำประโยชน์ จนต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา 131 คน มีการส่งฟ้องเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2546 ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธ
...
ต่อมา พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ และกลุ่มผู้ค้ารวม 44 ราย ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 131 คนต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้แก่ จ.ส.อ.อภิชาติ ริมมสาร หรือรัมมะสาร, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และอดีตผู้บริหารบริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์สตาร์, พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุด (บก.สส.) ตำแหน่งในขณะนั้น, พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือ เสธ.แอ๊ป นายทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ตำแหน่งในขณะนั้น เป็นจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์, บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ
...
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาอ่านคำพิพากษา ศาลฎีกา ได้พิพากษาแก้โทษ นายชูวิทย์และพวก จากจำคุก 5 ปี เหลือจำคุกคนละ 2 ปีไม่รอลงอาญา โดยที่นายชูวิทย์ ได้ชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายจนพอใจแล้ว ส่วนที่ดินได้ให้ทำประโยชน์เพื่อการสาธารณะ.