รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีค้ามนุษย์ ยืนยันไม่พบพนักงานสอบสวนถูกข่มขู่ เผยพยายามติดต่อ พล.ต.ต.ปวีณในทุกช่องทางแล้ว
วันที่ 24 ธ.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าว ได้ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนใต้ (ศชต.) จังหวัดยะลา ตั้งแต่วันที่ 23-25 ธันวาคมที่ผ่านมา ในกรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจชายแดนใต้ อดีตคณะทำงานคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่าถูกข่มขู่ คุกคาม จากการดำเนินคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา
พล.ต.ศรีวราห์ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบไม่พบว่ามีพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาถูกข่มขู่ และในช่วงระยะเวลาที่ พล.ต.ต.ปวีณ เข้ามารับผิดชอบคดีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 จนกระทั่งมีการสรุปสำนวนคดี เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ไม่คิดว่าจะมีช่องทางไหนที่จะเปิดโอกาสให้ถูกข่มขู่ได้ เพราะมีระยะเวลาการทำงานสั้น และ พล.ต.ต. ปวีณ ก็เพิ่งมีข่าวว่าถูกข่มขู่เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งหากถูกข่มขู่ในช่วงเวลานี้จริงจะไม่มีผลต่อคดีค้ามนุษย์ เนื่องจากสำนวนทั้งหมดส่งให้อัยการหมดแล้ว
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบในช่วงที่ พล.ต.ต. ปวีณ รับผิดชอบคดี ไม่พบว่ามีการเซ็นเอกสารรับรองคำร้องของพยานในคดีดังกล่าว มีเพียงการเซ็นคำร้องอนุมัติออกหมายจับ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในคดีนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการดำเนินการ 4 ขั้นตอน คือ ให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง, ให้พนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวทุกรายทำรายงานข้อเท็จจริง ว่ามีการถูกข่มขู่หรือไม่ และนำเสนอด้วยตนเอง ตรวจเยี่ยมและได้สอบถามผู้เสียหายในคดี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มครองพยาน
...
พล.ต.อ. ศรีวราห์ ยังได้กล่าวยอมรับว่าตนได้พยายามติดต่อ พล.ต.ต. ปวีณ ทุกช่องทางแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งหากไม่ได้สอบปากคำพล.ต.ต. ปวีณ ก็ไม่กระทบต่อคดีดังกล่าว และส่วนตัวไม่ได้รู้สึกหนักใจในฐานะที่เป็นเพื่อนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 35 เพราะตนเองเห็นผลประโยชน์ของประเทศชาติสำคัญกว่า ซึ่งคำให้สัมภาษณ์ของพล.ต.ต.ปวีณ จะส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับค้ามนุษย์ในไทย ขณะที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เตรียมทำหนังสือส่งไปยังสำนักข่าวต่างประเทศ กรณีนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ทำให้ประเทศไทยเสียหาย ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาดำเนินคดีแน่นอน