ยาดองมรณะยังร้อนแรงผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รวมเป็น 4 ศพ อาการหนักอยู่ในห้องไอซียูต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอีก 14 ราย ขณะที่ยอดผู้ป่วยรวมเพิ่มเป็น 35 ราย ด้านตำรวจยังเดินเครื่องสอบสวน น.1 สั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนช่วยคลี่คลายคดี สั่งรอง ผบช.น.มาเป็นหัวหน้าคณะ เนื่องจากผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มไม่หยุด หลังผลตรวจเมทานอลออก พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ออกหมายเรียก “เจ๊ปู” มือผลิตยาดองเถื่อนมาแจ้งข้อหาเพิ่มเป็น 4 คดี ลูกสาวเหยื่อโอด ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่างานศพเอง วอนหน่วยงานรัฐให้ความช่วยเหลือ อธิบดีกรมการแพทย์ยืนยันโรงพยาบาลในสังกัดไม่เรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยที่มีบัตรทองแน่นอน แต่ที่มีปัญหาส่วนใหญ่อยู่ในระบบประกันสังคม โฆษกกรมคุ้มครองสิทธิ์ กคส.แจง สิทธิ์ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจะได้รับสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายจากคดีอาญา แต่หากผู้เสียหายนำตัวเองเข้าเสี่ยงภัย อาจงดจ่ายหรือลดค่าตอบแทน
กรณีเหตุชาวบ้านในพื้นที่คลองสามวา มีนบุรี หนองจอก ซื้อเหล้าเถื่อนตามร้านริมทางดื่ม หลายคนมีอาการเลือดเป็นกรดรุนแรง คาดว่ามีส่วนผสมของเมทิลแอลกอฮอล์ ถึงขนาดหามส่งโรงพยาบาลนับสิบราย หลายคนอาการหนักถึงขั้นโคม่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน เบื้องต้นตำรวจ สน.มีนบุรี และ สน.บางชัน เข้าสืบสวนคลี่คลายคดีจับกุมนายสุรศักดิ์ หรือเอส อินสาม อายุ 46 ปี และนายสุรชัย หรืออาร์ท อินสาม อายุ 44 ปี 2 พี่น้อง นำเมทิลแอลกอฮอล์ส่งขายให้ น.ส.ภัสส์รศา หรือเจ๊ปู อารีจิตสุขสิริ อายุ 49 ปี นำไปผสมเป็นเหล้ายาดองขายให้ร้านค้า 18 แห่ง ทั้งหมดถูกจับกุมแจ้งข้อหาดำเนินคดีแล้ว แต่ยังมีผู้ป่วยอาการหนักอีกเกือบ 30 คน ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะที่กรมการแพทย์ตั้งวอร์รูมเฝ้าระวังที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ประกาศเตือนถึงพิษร้ายของเมทิล แอลกอฮอล์ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
...
ความคืบหน้าจาก รพ.นพรัตนราชธานี เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 ส.ค. นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.เกรียงไกร นามไธสง ผอ.โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี พญ.อรดา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ 2 โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี และ พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ผู้ป่วยจากพื้นที่มีนบุรี หนองจอก และคลองสามวา นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 33 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี 16 รายเสียชีวิต 2 ราย โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 จำนวน 10 ราย เสียชีวิต 1 ราย โรงพยาบาลเสรีรักษ์ 1 รายเสียชีวิตแล้ว และโรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลเกษมราษฎร์รามคำแหง โรง พยาบาลนวมินทร์ โรงพยาบาลสิรินธร และโรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ โรงพยาบาลละ 1 ราย รวม 29 ราย ที่ยังรักษาตัวอยู่ในระบบ
“ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยในห้องไอซียูใส่ท่อช่วยหายใจ 14 ราย ผู้ป่วยในกลุ่มอาการรุนแรงส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ดื่มสุรามาเป็นเวลานาน ทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรดสูง มีความผิดปกติการมองเห็น ความดันตกและชักเกร็ง ทั้งนี้ ยังพบสารไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ (Isopropyl alcohol : IPA) ที่โรงงานของนายสุรศักดิ์ หรือเอส อินสาม และนายสุรชัย หรืออาร์ท อินสาม ที่ซอยกาญจนาภิเษก 25 แยก 1-3 ที่บ้าน น.ส.ภัสส์รศา หรือเจ๊ปู อารีจิตสุขสิริ และที่ซุ้มยาดองทั้ง 18 ซุ้ม สารดังกล่าวเป็นสารที่ใช้ทำความสะอาดพื้นผิว เป็นตัวทำละลาย สารฆ่าเชื้อทางการแพทย์ และยังใช้เป็นตัวทำละลายในงานอุตสาหกรรมอื่นๆอีกมากมาย ไม่ควรนำมาผสมใช้สำหรับดื่ม” นพ.ไพโรจน์กล่าว
พญ.มินตรา ตั้งรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านพัฒนาคุณภาพ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี เผยว่า ผู้เสียชีวิต 4 คน เป็นผู้ป่วยกลุ่มแรกที่เข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 22 - 23 ส.ค. อยู่ในกลุ่มอาการรุนแรงต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ก่อนเข้ารับการรักษาพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ตรวจร่างกายพบอวัยวะภายใน เช่น สมอง หัวใจ ได้รับความเสียหายจากการดื่มเมทานอลและมีโรคประจำตัว เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต
พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร เผยว่า ขณะนี้เชิญแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากกรมวิทยาศาสตร์เข้ามาให้ความเห็นเกี่ยวกับสารที่ตรวจพบในยาดองที่ยึดมาจาก 18 ซุ้ม ช่วงบ่ายวันนี้เตรียมเรียกตัว น.ส.ภัสส์รศา อารีจิตสุขสิริ หรือเจ๊ปู ผู้ผลิตและผสมยาดองเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ส่วนการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่แจ้งข้อนายเอสและนายอาร์ท ความผิดฐานผลิตและจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาความผิดฐานกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ยังคงต้องรอผลการยืนยันจากแพทย์มาประกอบการสอบปากคำ เพื่อดูว่ามีเจตนาผสมสุราอย่างไร ทราบถึงพิษภัยอันตรายหรือไม่ พนักงานสอบสวนจะพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป
นางอรสา ทองบุญรอด สรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพ มหานคร 5 เผยว่า ผลการตรวจยาดองจาก 18 ซุ้ม ส่วนใหญ่พบค่าปริมาณของเมทานอลเกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อลิตร ไม่สอดคล้องกับค่าปริมาณเมทานอลที่พบในเหล้าขาวจากโรงงานในซอยกาญจนาภิเษก 25 เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มเติมว่าค่าที่เพิ่มขึ้นในยาดองมาจากไหน
ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่วัดกระทุ่มเสือปลา ซอยอ่อนนุช 67 แขวงและเขตประเวศ น.ส.สุธิตา เชื้อชิต อายุ 23 ปี ลูกสาวนายปิติชัย สุจินดากุล อายุ 43 ปี หนึ่งผู้เสียชีวิต เผยว่า พ่อไปดื่มยาดองที่ร้านหน้าปากซอยสามวา 1 จากนั้นเกิดอาการชักเกร็ง ตาลาย เข้า รพ.อยู่ห้องไอซียู ไปที่ รพ.หมอแจ้งว่าก่อนหน้านี้มีเคสเข้ามาอาการลักษณะเดียวกัน มีทั้งคนรอดชีวิตและไม่รอดชีวิต เท่าที่ทราบพ่อเริ่มมีอาการวันที่ 21 ส.ค. บอกเพื่อนร่วมงานว่า เป็นอะไรไม่รู้เวียนหัวบ่อย ตื่นเช้ามาตาลายมองไม่ค่อยเห็น ต่อมาเช้าวันที่ 23 ส.ค. ไปทำงานไม่ไหว น่าจะอาเจียนด้วยเพราะไปเจอเสื้อพ่อเปื้อนคราบน้ำลาย เพื่อนพ่อพยายามโทร.หาแต่ไม่ติด จนที่ทำงานโทร.บอกให้ไป รพ. ตนมาทราบข่าวตอน 4 ทุ่มรีบตามไป
...
“ก่อนพ่อไปโรงพยาบาลเริ่มมีอาการ ไปขอความช่วยเหลือจากข้างห้อง คาดว่าสมองน่าจะตายเพราะขาดออกซิเจน สันนิษฐานว่าพ่อน่าจะดื่มยาดองก่อนหน้ามีอาการไม่กี่วัน ส่วนยาดองทราบมาว่า ร้านอยู่หลังบริษัท ดื่มหลังเลิกงาน และน่าจะซื้อใส่ขวดกลับไปดื่มที่ห้องด้วยเพราะบอกว่ากินยาดองแล้วหลับสบาย ตอนไปห้องพักพ่อเจอขวดยาดอง 2 ขวด มีกลิ่นแอลกอฮอล์ล้างแผลและกลิ่นสมุนไพรบ้าง ดมนิดเดียวยังเวียนหัว แสบจมูก หลังพ่อเสียชีวิตได้เงินจากประกันสังคมมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลหลักแสนบาท ต้องเดินเรื่องจัดงานศพให้พ่อด้วยเพราะไม่มีญาติผู้ใหญ่ ต้องไปหยิบยืมมา บ้านเราไม่มีเงิน ถ้าไม่มีประกันสังคมก็ไม่รู้ว่าจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลยังไง” น.ส.สุธิตากล่าว
ด้าน น.ส.ปรียาภรณ์ สุจินดากุล อายุ 17 ปีลูกสาวอีกคน กล่าวว่า อยากให้เจ้าของร้านเข้ามาพูดคุย แค่คำว่าขอโทษก็อยากได้ยินเพราะขาดการติดต่อไปเลย จากการฟังที่เจ้าของยาดองให้สัมภาษณ์เหมือนเขาไม่สำนึกผิดจริงๆ เพราะตอนนี้มีคนอาการหนักและเสียชีวิต คนที่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนอาจเป็นพ่อตน อยากให้เขาช่วยเหลือบ้าง ยืนยันว่าจะเดินหน้าดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตอนนี้ต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียด 45 วัน เพื่อดูสารในร่างกาย เพราะผลชันสูตรเบื้องต้นระบุว่า มีเลือดออกจากก้านสมอง เมื่อผลตรวจออกมาแล้วจะเอาไปแจ้งความดำเนินคดี แต่ส่วนตัวกังวลว่า หากเผาศพไปแล้วจะทำอะไรลำบากขึ้น ตามคดีไม่ได้ ส่วนตัวยังไม่อยากเผาศพ แต่ค่าใช้จ่ายสูง ต้องคิดอีกที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 04.00 น.พนักงานสอบสวน สน.บางชัน รับแจ้งจากโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีว่า นายกิตติศักดิ์ ไพศาล อายุ 29 ปี เข้ารักษาอาการตาพร่ามัว คลื่นไส้ อาเจียนจากการดื่มเหล้ายาดอง ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. เสียชีวิตเป็นรายที่ 4 ส่งศพให้นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจผ่าพิสูจน์
...
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี และ พ.ต.ท.จำนงค์ ประสพสุขมั่งดี รอง ผกก.สส.สน.มีนบุรี แถลงความคืบหน้าคดี พล.ต.ต.เกียรติกุล กล่าวว่า จากการสอบปากคำเจ๊ปูผู้ผสมยาดอง และเจ้าของร้านยาดองวานนี้ (26 ส.ค.) ว่า นำยาดองที่ผสมเสร็จแล้วไปส่งที่ไหนบ้าง จำนวนเท่าไหร่ ฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบซุ้มยาดองที่รับไปทั้ง 12 จุด จาก 18 จุด ยึดยาดองทั้งที่เป็นแกลลอน โหล และขวดเล็ก ผู้ขายบางรายเก็บไว้ แต่บางรายเททิ้งไปบ้างแล้วเนื่องจากไม่กล้าขายกลัวมีความผิด จะส่งยาดองให้กรมสรรพสามิตตรวจสอบประกอบการดำเนินคดี บางจุดเจอตัวผู้ขายเชิญตัวมาสอบปากคำที่ สน.มีนบุรี เป็นผู้ดำเนินคดีข้อหาจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ต.เกียรติกุลกล่าวว่า กรมสรรพสามิตตรวจสารเมทานอลทั้ง 18 ซุ้ม พบปริมาณเกินค่ามาตรฐานทั้งหมด เจ้าหน้าที่จะไปตรวจสอบหาจุดเชื่อมโยงของค่าเมทานอลที่เพิ่มขึ้นว่าเกิดในขั้นตอนใด ส่วนผลตรวจยาดองที่ยึดจากบ้านเจ๊ปู พนักงานสอบสวนได้ผลจากสรรพสามิตแล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อหาเจ๊ปู 4 ข้อหา ประกอบด้วยข้อหาผลิตสุราโดยไม่รับอนุญาต ข้อหาจำหน่ายสุราโดยไม่รับอนุญาต ข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส จะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา
พล.ต.ต.เกียรติกุลกล่าวด้วยว่า ส่วนผลสอบเจ้าของโรงงานย่านบางเสาธง จ.สมุทรปราการ ที่ 2 ผู้ต้องหา ในพื้นที่ สน.บางชัน ไปซื้อสารเคมีมาผลิตเป็นเหล้าขาวขายให้เจ๊ปู เบื้องต้นอยู่ระหว่างขอเอกสารการซื้อขาย เพื่อตรวจสอบสารเคมีว่าเป็นชนิดใด ทั้งนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เป็นห่วงเรื่องดังกล่าว มีคำสั่งให้ตั้งชุดคณะกรรมการติดตามคดี มีรอง ผบช.น.เป็นประธาน จะประชุมความคืบหน้าคดีวันที่ 28 ส.ค. เวลา 14.00 น.
...
ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. เผยกรณีผ่าชันสูตรศพที่เสียชีวิตจากการรับสารพิษเมทานอลในเหล้าเถื่อนว่า คดีเมทิลแอลกอฮอล์มีโรงพักที่เกี่ยวข้องคือ สน.บางชัน และ สน.มีนบุรี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนห้องปฏิบัติการเพื่อแยกของเหลวตรวจหาให้ได้ว่าเป็นเมทิลแอลกอฮอล์ หรือเป็นเอทิลแอลกอฮอล์ ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ ส่วนที่ส่งไปนิติเวชจะเป็นการยืนยันผลซ้ำ ส่วนจะสอดคล้องกับการผ่าพิสูจน์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลจากห้องปฏิบัติการ หากทราบผลจะรายงานกลับไปยัง สน.
กรณีญาติผู้ป่วยเริ่มร้องเรียนเรื่องค่ารักษาพยาบาล พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ที่รับผู้ป่วยดื่มสุราปลอมได้แก่ รพ.นพรัตนราชธานี 19 ราย รพ.เลิดสิน และ รพ.ราชวิถี แห่งละ 1 ราย ยืนยันว่าไม่เรียกเก็บเงินจากผู้ป่วย เพราะกระทรวงสาธารณสุขและกรมการแพทย์ยืนยันชัดเจนว่า จะดูแลผู้ป่วยเต็มที่ ผู้ป่วยที่มีสิทธิบัตรทองสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เข้ามาดูแล แต่มีการตรวจบางรายการอยู่นอกบัญชี เช่น การตรวจหาเมทิลแอลกอฮอล์ในเลือดเจรจากับ สปสช.แล้วจะรับดูแลให้ แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในสิทธิประกันสังคม อาจต้องตรวจสอบกับสำนักงานประกันสังคมให้มั่นใจ อยากขอว่าอย่ามองเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นกำแพงขัดขวางหรือกลัวถูกจับ เพราะตอนนี้เรื่องชีวิตสำคัญที่สุด ขอให้มารับการตรวจโดยเร็ว
ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ (กคส.) นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดี กคส.ฐานะโฆษก กคส.กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยคดีอาญา 2544 และแก้ไขเพิ่มเติม หากได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต ร่างกายจากการกระทำผิดอาญาของผู้อื่นโดยที่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถือเป็นผู้เสียหายมีสิทธิได้รับเยียวยาดังนี้ 1.ค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตาย 50,000 บาท 2.ค่าจัดการศพ 20,000 บาท 3.ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000 บาท 4.ค่าเสียหายอื่น 40,000 บาท รวม 110,000 บาท กรณีบาดเจ็บ 1.ค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 40,000 บาท 2.ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพฯไม่เกิน 20,000 บาท 3.ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ ตามค่าแรงขั้นต่ำในพื้นที่จังหวัดที่ประกอบการงาน ไม่เกิน 1 ปี ใน กทม.ตกวันละ 363 บาท และ 4.ค่าตอบแทนความเสียหายอื่นๆไม่เกิน 50,000 บาท
“อย่างไรก็ตามมีหลักเกณฑ์การพิจารณาสำหรับกรณีผู้เสียหายในคดีอาญาว่า หากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือนำตนเองเข้าเสี่ยงภัย อนุกรรมการฯ อาจพิจารณางดจ่าย หรือปรับลดค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตาย หรืองดจ่ายหรือปรับลดค่าตอบแทนความเสียหายอื่น โดยพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นรายกรณีไป” โฆษก กคส.กล่าว
ล่าสุดเวลา 18.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข รพ.นพรัตนราชธานี เผยข้อมูลล่าสุดมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเพิ่มจาก 33 ราย เป็น 35 ราย เสียชีวิต 4 ราย ผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 9 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 22 ราย แยกตามระดับความรุนแรงได้เป็นกลุ่มผู้ป่วยสีแดง 9 ราย กลุ่มผู้ป่วยสีเหลือง 9 ราย และกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว 4 ราย