"รองสราวุฒิ" นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการสอบสวนวินัย "บิ๊กโจ๊ก" ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ชี้ ไม่ทราบเรื่องถอดถอน บวกหรือลบ ยังไม่รู้ทิศทาง พร้อมจ่อเรียกสอบพยานเพิ่มอีก 5 ปาก คาดสรุปผลภายในเดือนนี้ หากไม่เสร็จ ขยายผลได้อีก 60 วัน ย้ำไม่กดดัน แต่มองถึงให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ส.ค. 67 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสอบสวน กรณี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมพวกรวม 5 คน กระทำผิดวินัยร้ายแรง โดยมี พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมคณะกรรมการสอบสวนคนอื่นๆ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเรื่องนี้ ในวันนี้จึงต้องมาร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า เราเริ่มทำงานมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. ยังเหลือระยะเวลาในการรวบรวมตรวจสอบพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหา ขณะนี้ทราบว่ามีการสอบปากคำพยานต่างๆ จากฝ่ายผู้กล่าวหาไปจำนวนมาก
“ยืนยันว่าเราดำเนินการโดยยึดหลักระเบียบข้อกฎหมาย และให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งภารกิจครั้งนี้ตนเปรียบดังกรรมการแข่งขันฟุตบอลแมตช์สำคัญที่มีคนไทยทั้งประเทศเฝ้ามองอยู่ ในฐานะกรรมการจึงต้องเป็นกลาง”
พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานจากฝ่ายผู้กล่าวหา เบื้องต้นทราบว่าเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ฝั่งผู้ถูกกล่าวหาได้ให้การเพิ่ม รวมถึงมีการอ้างถึงพยานบุคคลอีก 5-6 คน จึงต้องสอบเพิ่ม เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หลังจากนั้นจึงค่อยมาสรุป และหารือพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทิศทางจะเป็นบวกหรือลบตอนนี้ยังไม่ทราบ
...
เมื่อถามว่า ผลที่จะออกมามีทั้งบวกและลบ หากเป็นลบจะไปทางไหนได้บ้าง พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า ลบก็หมายถึงว่าเราแจ้งข้อกล่าวหาไปว่าเขากระทำความผิดตามที่คณะกรรมการมีหน้าที่ หลังจากนั้นเป็นสิทธิ์ของเขาเองว่าจะไปร้องอะไรอย่างไรหรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า “ลบ” โทษจะถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออกหรือไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิ ตอบสั้นๆ ว่าใช่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่คณะกรรมการจะพิจารณา มี 2 ประเด็นนี้
“ระยะเวลาในการตรวจสอบทั้งหมดมี 270 วัน ซึ่งหากภายในวันที่ 12 ก.ย. ยังไม่แล้วเสร็จ เรายังสามารถขยายเวลาออกไปได้อีก 60 วัน เพราะยังอยู่ในกรอบระยะเวลา 270 วัน ทั้งนี้ยืนยันว่าที่ผ่านมาผู้ถูกกล่าวหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ส่วนกรณีที่ไม่เคยมาเข้าพบนั้นเป็นสิทธิ์ของเจ้าตัว”
พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวอีกด้วยว่า ส่วนผลการตรวจสอบของคณะอื่นๆ จะออกมาทิศทางไหน ไม่ใด้กังวลหรือกดดัน เพราะคนละหน้าที่กัน แต่ยอมรับว่าได้ทำหนังสือไปสอบถามผลคณะตรวจสอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและเพื่อความรอบครอบ ส่วนเรื่องกระแสข่าวว่ามีการถอดถอนแล้วนั้นยังไม่ทราบ
ต่อมาเวลา 15.30 น. หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.สราวุฒิ ได้เปิดเผยว่า ขอชื่นชมคณะกรรมการตรวจสอบชุดนี้ที่ยึดระเบียบข้อกฎหมาย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตอนนี้ทราบว่าสอบปากคำพยานทั้งฝั่งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาไปทั้งหมดแล้ว 65 ปาก แสดงให้เห็นว่าดำเนินการด้วยความรอบครอบ ส่วนกรณีที่ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ยื่นเรื่องขอให้สอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มอีก 5 ปากนั้นได้ทำหนังสือไปถึงพยานบุคคลดังกล่าวเพื่อมาให้การในวันที่ 21 ส.ค. ซึ่งหลังสอบปากคำเสร็จจะนัดประชุมเพื่อหาข้อสรุปว่าผลจะออกมาเป็นบวกหรือเป็นลบ โดยคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนประเด็นการพิจารณา เราจะพิจารณาจากทุกประเด็น พิจารณาทุกอย่างหมด ขอให้สังคมสบายใจได้
ทั้งนี้เมื่อถามว่า หากฝั่งผู้ถูกกล่าวหายื่นเรื่องขอให้สอบพยานเพิ่มอีกนั้นจะเป็นการประวิงเวลาหรือไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า เราให้โอกาสทุกฝ่าย หากมีการยื่นเรื่องขอให้สอบพยานเพิ่ม ก็ต้องมาดูว่าคำให้การของพยานบุคคลเหล่านี้จะเกิดประโยชน์สามารถหักล้างข้อเท็จจริงของอีกฝ่ายได้หรือไม่.