"คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม" สั่งลงโทษภาคทัณฑ์ 2 ผู้พิพากษา รายแรกบอกโจทก์จะยกฟ้องในวันนัดสืบพยาน ส่วนอีกรายดูหมิ่นข่มขู่ผู้บังคับบัญชา ขณะถูกเตือนเหตุถูกตรวจร่างคำพิพากษา
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 67 ที่ศาลฎีกา นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ครั้งที่ 21/2567 มีวาระการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษาตามบัญชีรายชื่อของสำนักงานศาลยุติธรรม
โดย ก.ต.เห็นชอบเเต่งตั้งโยกย้าย ระดับชั้น 4 สับเปลี่ยนตำแหน่งบัญชี 3 (หรือระดับผู้พิพากษาศาลฎีกา-อธิบดีผู้พิพากษา-ประธานแผนกในศาลอุทธรณ์-ประธานศาลอุทธรณ์ภาค-หัวหน้าอุทธรณ์-ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์) เพิ่มเติมอีก 8 ตำแหน่ง และบัญชีสับเปลี่ยนและเเต่งตั้งผู้พิพากษาอาวุโสเพิ่มเติมรวมกัน 3 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ก.ต.ยังพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการ กรณีมีพฤติกรรมพูดกับคู่ความฝ่ายโจทก์ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ว่า จะยกฟ้องให้คู่ความไปเจรจาตกลงกันก่อน และระหว่างสืบพยานโจทก์ ได้พูดให้โจทก์ถอนฟ้องและขอค่าขึ้นศาลคืนจะดีกว่า ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการไม่ถือ และปฏิบัติตามระเบียบแบบแผน และประเพณีปฏิบัติของทางราชการ และจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ ตามที่ ก.ต.กำหนด ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรรม พ.ศ.2543 มาตรา 55 และมาตรา 62 ประกอบประมวลจริยธรรมข้าราชการตลาการ ข้อ 3 เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง เห็นควรลงโทษ "ภาคทัณฑ์" จำนวน 1 ราย
นอกจากนี้ ก.ต.ยังพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ข้าราชการตุลาการ กรณีประพฤติตนไม่สุภาพเรียบร้อยในหน้าที่ราชการ ไม่รับฟังคำตักเตือนให้แก้ไขข้อบกพร่องในการตรวจร่างคำพิพากษา ดูหมิ่นเหยียดหยาม ข่มขู่ผู้บังคับบัญชา ทำให้เสียเกียรติศักดิ์แห่งตำแหน่งหน้าที่ราชการ สร้างความแตกแยกสามัคคีในหมู่ข้าราชการ และเป็นการไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของทางราชการ และจริยธรรมของข้าราชการตุลาการตามที่ ก.ต.กำหนด ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 61 และมาตรา 62 ประกอบ ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 35 เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง เห็นสมควรลงโทษภาคทัณฑ์ จำนวน 1 ราย.
...