ไฟไหม้ตึกนาซ่าสตรีท ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์รามคำแหง เผาวอดร้านค้าเสียหายประมาณ 30 ร้าน เบื้องต้น จนท.พิสูจน์หลักฐานเร่งตรวจสอบหาสาเหตุ ด้านกลุ่มผู้ค้าเผยได้รับผลกระทบหลักแสนบาท

เมื่อเวลา 04.31 น. วันที่ 1 ก.ค. 67 ร.ต.อ.ไชยา บัวมาศ รอง สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ตึกนาซ่าสตรีท ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์รามคำแหง ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.หัวหมาก, พ.ต.ท.บำเพ็ญ นามฉวี สว.สส.สน.หัวหมาก, พ.ต.ต.สีหเดช ศกลกันต์ สวป.สน.หัวหมาก, อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย และรถดับเพลิงจำนวน 10 คัน

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 3 ชั้น ห่างจากบันไดทางขึ้นรถไฟฟ้าประมาณ 4 เมตร จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณชั้น 1 ซึ่งเป็นล็อกแบ่งให้เช่า ประกอบด้วยร้านขายของประเภทกิ๊บช็อป ซุ้ม และร่ม พบเพลิงกำลังลุกไหม้จากร้านขายเสื้อผ้า ลุกลามไปยังร้านทำเล็บ และลุกลามอย่างรวดเร็ว เนื่องจากร้านค้าส่วนมากเป็นร้านขายเสื้อผ้า เจ้าหน้าที่ทำการตัดไฟแล้วใช้น้ำฉีดสกัดเป็นเวลา 20 นาทีเพลิงจึงสงบ มีร้านค้าเสียหายประมาณ 30 ร้าน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จากการสอบสวน น.ส.นิภาพร ภูวงศ์ อายุ 25 ปี พนักงานสะดวกซื้อซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ให้การว่า ช่วงเวลาประมาณ 04.30 น. ได้กลิ่นเหม็นไหม้เข้ามาภายในร้าน ตอนแรกคิดว่าไฟฟ้าช็อตในร้าน จึงเข้าไปดูหลังร้านก็ไม่เจอสิ่งผิดปกติ แต่เมื่อออกไปดูหน้าร้านเห็นกลุ่มควันและแสงเพลิงจำนวนมากที่ชั้นล่างของอาคารดังกล่าว จึงเอาน้ำยาดับเพลิงมาฉีดสกัดเพลิง แต่ก็ไม่สามารถดับได้เพราะเชื้อเพลิงส่วนมากเป็นเสื้อผ้า จึงโทรแจ้งรถดับเพลิงมาช่วยดับ

ต่อมาเวลา 05.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องมาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยผู้ที่จะใช้บริการสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์รามคำแหง และเปิดเผยว่าตนกำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่ที่เยาวราช พอทราบเรื่องจึงรีบมาตรวจสอบ เบื้องต้นมีร้านค่าเสียหายเฉพาะชั้น 1 และทางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ จึงประกาศปิดสถานีนี้ชั่วคราว โดยให้ผู้โดยสารไปใช้สถานีมักกะสันกับสถานีหัวหมากแทน แต่รถไฟฟ้ายังคงให้บริการตามปกติ ขอให้ผู้โดยสารติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการให้บริการอย่างใกล้ชิดด้วย จะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทาง โดยจะให้เจ้าหน้าที่ติดป้ายประกาศไว้ด้านล่างสถานี เบื้องต้นสถานีรถไฟฟ้าไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

...

โดยในช่วงสายจะได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป

ต่อมา นายบัญชา สืบกระพัน ผู้อำนวยการเขตสวนหลวง เข้าตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้บริเวณร้านขายของใต้แอร์พอร์ตเรลลิงก์ หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังเกิดเหตุ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบพบเพลิงไหม้บริเวณร้านค้าที่ชั้น 1 และชั้น 2 ซึ่งเป็นโซนร้านขายของ รวมจำนวนประมาณ 30 ร้าน ส่วนสภาพอาคารขณะนี้พบว่าโครงสร้างยังแข็งแรง แต่อาจจะมีพื้นที่บางส่วนได้รับผลกระทบ เช่น บันไดเลื่อน ลิฟต์ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับจุดเพลิงไหม้ ซึ่งขณะนี้พังเสียหายไม่สามารถใช้การได้ ส่งผลให้ผู้ที่มาใช้บริการรถไฟฟ้าที่บริเวณสถานีแอร์พอร์ตลิงก์รามคำแหงต้องใช้การเดินขึ้นลงบันไดแทนชั่วคราว ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบสาเหตุ ขณะที่สำนักงานเขตสวนหลวงกำลังเร่งแจ้งประสานเจ้าของอาคาร เบื้องต้นทราบว่าเป็นของบริษัท แอร์พอร์ตลิงก์ จำกัด เพื่อมาตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารดังกล่าว

สำหรับการตรวจสอบที่สถานีแอร์พอร์ตลิงก์ ขณะนี้ทราบว่าไม่ได้รับผลกระทบ มีเพียงบันไดเลื่อนที่อาจจะได้รับความเสียหายเนื่องจากถูกความร้อน จึงทำให้สามารถเปิดให้บริการรถไฟฟ้าได้ตามปกติ เนื่องจากช่วงเช้าเป็นชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งมีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันทางเขตได้มีการตรวจสอบ รับลงทะเบียน เพื่อรวบรวมรายชื่อเจ้าของร้านค้า สำหรับหาแนวทางในการเยียวยาผู้ประกอบการร้านค้าในพื้นที่ต่อไป

ด้านกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่เปิดเผยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีมูลค่าประมาณหลักแสน เนื่องจากมีการนำของมาเก็บสต๊อกไว้เป็นจำนวนมาก เฉลี่ยร้านค้าละ 100,000-1,000,000 บาท ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงสิ้นเดือนจึงทำให้มีการสั่งของมาเก็บในร้านไว้ เพราะเป็นช่วงที่จะมีลูกค้ามาซื้อหรือใช้บริการเป็นจำนวนมาก ส่วนการเยียวยานั้นได้รับประสานจากทางเขตเบื้องต้นว่าจะได้รับการเยียวยาประมาณร้านละ 10,000 บาท ซึ่งส่วนนี้ต้องติดตามการช่วยเหลือเยียวยากับทางเจ้าของอาคารต่อไปว่ามีการทำประกันภัยไว้หรือไม่ ขณะที่ในเวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะมีการลงพื้นที่มาตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้อีกครั้ง.