กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงพักการลงโทษ “ทักษิณ” กรณีพิเศษ "มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป-ต้องโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือนฯ" คุณสมบัติหลักเกณฑ์ครบถ้วนถูกต้อง เผยในเดือน ม.ค.67 มีผู้ได้รับการพักโทษด้วยเหตุกรณีปกติ และกรณีพิเศษ รวม 930 ราย


วันที่ 18 ก.พ. 67 กรมราชทัณฑ์ แจกเอกสารแถลงกรณีการปล่อยตัวพักการลงโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่ง กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้รับตัว นายทักษิณ เข้ามาควบคุมตัวในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. 2566 โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาตัดสินจำคุก 3 คดี รวมกำหนดโทษ 8 ปี ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือโทษจำคุก 1 ปี และนับตั้งแต่ นายทักษิณ รับโทษจำคุก จนกระทั่งถึงปัจจุบันวันที่ 17 ก.พ. เป็นระยะเวลารวม 6 เดือน ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์เกี่ยวกับการพักการลงโทษ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจะตรวจสอบคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์ของนักโทษเด็ดขาด ที่เข้าเกณฑ์เพื่อดำเนินการขอพักการลงโทษ

 

โดยกรณีของ นายทักษิณ จัดอยู่ในกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป โดยมีคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์ทั่วไปครบตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ลงวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2563 คือ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ต้องโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า การพิจารณาการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษดังกล่าวนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ 


โดยมีขั้นตอนการพิจารณา ดังนี้ 1.เรือนจำ ทัณฑสถาน ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของนักโทษเด็ดขาดที่เข้าตามหลักเกณฑ์ พร้อมประสานขอความร่วมมือกับสำนักงานคุมประพฤติในเขตพื้นที่ของผู้อุปการะ ดำเนินการสืบเสาะข้อเท็จจริงของนักโทษเด็ดขาด จากนั้นเรือนจำ และทัณฑสถาน จะรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง จัดประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ โดยมีผู้บัญชาการเรือนจำ และผู้อำนวยการทัณฑสถาน เป็นประธาน ร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้แทนคุมประพฤติ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนกรมการปกครอง ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ จากนั้นเสนอบัญชีรายชื่อไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อเสนอต่อคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษตามคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ 

...


2.กรมราชทัณฑ์ ตรวจสอบเอกสารข้อมูลของนักโทษเด็ดขาดที่เรือนจำ ทัณฑสถาน ให้มีความครบถ้วน ถูกต้อง เพื่อเสนอในที่ประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ ซึ่งโดยปกติจะมีการพิจารณา เป็นประจำเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ กรมราชทัณฑ์ จะต้องเสนอบัญชีรายชื่อผู้ที่คณะอนุกรรมการฯ มีมติปล่อยตัวต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาอนุมัติการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ 


3.เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณาอนุมัติแล้ว กระทรวงยุติธรรม จะส่งหนังสือกลับมายัง กรมราชทัณฑ์ เพื่อแจ้งผลการพิจารณาการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษให้กับเรือนจำ ทัณฑสถาน ดำเนินการตามมติคณะอนุกรรมการฯ ให้พักการลงโทษ โดยต้องมีเอกสารแจ้งให้ผู้ได้รับการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ และปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมประพฤติต่อไป (2) ในเดือนมกราคม 2567 มีผู้ต้องขังทั่วประเทศอยู่ในหลักเกณฑ์เข้ารับการพิจารณาพักการลงโทษ และได้รับอนุมัติให้ปล่อยตัวพักการลงโทษทั้งสิ้นจำนวน 930 ราย แบ่งเป็น การพักการลงโทษกรณีปกติ จำนวน 913 ราย การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป จำนวน 8 ราย และการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ โครงการ “สร้างงาน สร้างอาชีพ ฝึกทักษะการทำงานในภาคอุตสาหกรรม” จำนวน 9 ราย 


กรมราชทัณฑ์ จึงขอชี้แจงรายละเอียดการดำเนินงานในกรณีการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้กฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง มาเพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่สาธารณชนต่อไป.