“กัน จอมพลัง” บุก สน.ลุมพินี ขอความ ร่วมมือ ผกก. ช่วยติดตามหญิงชาวจีน หลังพบข้อมูลปักหลักอยู่แถวทาง ขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าอโศกและนานา มั่นใจว่าเป็นขบวนการ หลังมีคนตามเคลียร์ตำรวจ เจอยัดเงินต่อหน้าหลักหมื่นบาท หวั่นเป็นขบวนการ ค้ามนุษย์ข้ามชาติ ตำรวจ ปคม.ขยับส่งชุด ตรวจสอบ ถ้าเป็นเรื่องจริงต้องดำเนินการเด็ดขาด “วราวุธ” เต้น สั่งตรวจสอบละเอียดปมขอทานสาวจีน ชี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน หวั่นถูกนำมาแสวงหาประโยชน์ค้ามนุษย์

กรณีพบหญิงพิการชาวจีนมาขอทานตามหน้าห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงหลายแห่ง เบื้องต้นพบรูปแบบเหมือนกันคือใส่ชุดนักเรียน หลังถูกจับยังมีเพื่อนร่วมแก๊งมาขอเคลียร์คดีกับตำรวจตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าจาก สน.ลุมพินี เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 พ.ย. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง มาติดตามขยายผลกรณีรับแจ้งว่า พบหญิงชาวจีนหน้าเละผิดรูป มีรอยไหม้ตามตัวมานั่งขอทานใส่ชุดนักเรียนในพื้นที่ สน.ลุมพินี ส่วนใหญ่มักพบอยู่บริเวณสถานีบีทีเอสอโศกและนานา

นายกัณฐัศว์กล่าวว่า มาที่ สน.ลุมพินี เพื่อตามหาหญิงชาวจีนหน้าคล้ายโดนน้ำกรด นิ้วกุดใส่ชุดนักเรียน ขณะนี้มีเป้าทั้งหมด 7 คน ถูกจับแล้ว 3 คน เหลืออีก 4 คน มีคนแจ้งว่าอยู่ในพื้นที่ สน.ลุมพินี ตนประสานผู้กำกับยินดีช่วยเหลือ 3 วันที่ผ่านมาพบว่ามีสิ่งผิดสังเกตเยอะมาก 3 คนที่ถูกจับมีล่ามโผล่มาโรงพัก ทุกคนไม่มีพาสปอร์ตติดตัว แต่ล่ามเป็นคนนำมาให้ ให้การเพียงว่าสมัครใจมาทำ ตนยังประสานรองอธิบดี ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่า มันดูผิดปกติเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ ขอตั้งข้อสังเกตว่าโกหก ทั้ง 3 คนอ้างว่าสมัครใจมาทำแต่อาจมีผู้อยู่เบื้องหลังบังคับ หากบอกครอบครัวอาจเป็นอันตราย นอกจากนี้เรื่องซิมโทรศัพท์สงสัยว่าเอามาจากไหน เขาอ้างว่าเจอตกอยู่ข้างถนน แต่ตนไม่เชื่อ รวมถึงกุญแจห้องคีย์การ์ด เขาไม่ยอมบอกว่าเอามาจากไหน เลยมองว่ามันแปลกมาก

...

“ส่วนคนถือพาสปอร์ตของทั้ง 3 คนเป็นชาวจีน มองว่าไม่บริสุทธิ์ใจเพราะไม่ยอมมาเจอ จึงประสาน พม.ว่าคนจีนรายนี้เกี่ยวข้องอะไร ไม่ใช่ล่ามธรรมดาเพราะนั่งรถยนต์หรูมามีสามีชาวจีนมาด้วย ทุกครั้งขอยัดเงินตำรวจต่อหน้าผม 10,000 บาทแลกกับการปล่อยตัว ถามว่าเคยทำแบบนี้หรือไม่ ทั้ง 3 คนอ้างว่าเคยทำบ้างไม่ได้ทำบ้าง นอกจากนี้ยังมาขอเคลียร์กับผม จะให้เงินทั้งหมดที่มีเพื่อแลกกับการกลับประเทศ ทั้งหมดมีแพตเทิร์นเดียวกันคือ ใส่ชุดนักเรียน กล่องขอเงินแบบเดียวกัน มีคนไทยมาเคลียร์ให้ ถามถึงเหตุผลที่มาเคลียร์ให้ขอทานชาวจีน ได้เหตุผลว่า เขาไปนั่งกินข้าวที่ร้านแล้วขอให้ช่วย มองว่ามันฟังไม่ขึ้น” กัน จอมพลังกล่าว

นายกัณฐัศว์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการสอบถามพบว่ามีการจ้างงานจากประเทศมาเลเซีย และไม่ใช่การเข้าไทยครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่ 4-5 อยู่ไทยประมาณ 10 วัน ที่ขอเคลียร์เงินอาจเนื่องจากไม่อยากถูกแบล็กลิสต์ เพราะหากถูกส่งกลับอาจไม่ได้กลับมาอีก สงสัยว่าเข้าผ่านทางมาเลเซียมาได้อย่างไรตั้งหลายครั้ง ทุกครั้งที่ออกไปเพราะวีซ่าเกินหรือถูกจับหรือไม่ วันนี้อยากให้ดีเอสไอเข้ามาช่วย 1. เนื่องจากมีการอ้างตำรวจขอเคลียร์ 2.เพื่อขยายผลถึงต้นขบวนการว่า ใครเป็นคนจัดหา ตนเชื่อว่าเป็นขบวนการ เพราะทุกคนรู้จักกัน

“อีกทั้งบาดแผลของทั้ง 3 คนยังเหมือนกัน ทุกคนนิ้วกุด ส่วนบาดแผลบนใบหน้าอ้างว่าถูกน้ำกรด ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะลักษณะไม่ใช่ อย่างคนหนึ่งมีวงแหวนอยู่ตรงคอเหมือนถูกโหลแก้วครอบ ที่มือก็เช่นกัน ทุกคนอ้างว่าถูกไฟไหม้ เชื่อว่าเป็นขบวนการเพราะมีเล่ห์เหลี่ยม รู้ทันกฎหมาย มีพาสปอร์ต และพูดเหมือนกันว่าสมัครใจมา อ้างว่าที่ประเทศเขาไม่ผิดกฎหมาย แต่ขอทานเยอะเลยต้องมาที่นี่ เชื่อแน่ว่า ล่ามต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะขอทานอ้างว่านอนริมถนน แต่เอาพาสปอร์ตไปฝากคนอื่น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้แหล่งกบดานเรียบร้อยแล้ว” นายกัณฐัศว์กล่าว

ต่อมาเวลา 17.00 น. นายกัณฐัศว์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางรัก เดินทางไปที่หน้าโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน หลังได้รับเบาะแสว่ามีขอทานชาวจีนหากินอยู่บริเวณดังกล่าว พบตัวสอบถามผ่านล่ามที่เป็นพนักงานร้านอาหารจีนใกล้เคียง ชื่อนายอัง ปรากฏว่าชายรายดังกล่าวไม่ค่อยให้ความร่วมมือ พยายามจะเดินหนีและเอากระเป๋าฟาดผู้สื่อข่าวบอกให้หยุดบันทึกภาพ และปฏิเสธจะเดินทางไปที่ สน.บางรัก เนื่องจากกังวลว่าจะถูกปรับเพราะถูกจับมาหลายรอบแล้ว ใช้เวลาในการพูดคุยเกลี้ยกล่อมอยู่นาน ถึงยอมบอกชื่อว่าเสี่ยวหลง อายุประมาณ 30 ปี อ้างว่าเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยได้ประมาณ 10 กว่าวัน และมานั่งขอทานแบบนี้ได้ 3 วัน สาเหตุที่ต้องมานั่งขอทานเนื่องจากทำเงินหล่นหาย และได้รับคำแนะนำจากชาวจีนว่ามานั่งขอทานแบบนี้ได้ จะมาแค่ช่วงเย็น ส่วนบาดแผลตามร่างกายได้มาหลังจากเป็นทหาร ทำให้มีบาดแผลรวมถึงแขนพิการ

เมื่อถามว่ามีเพื่อนหรือไม่ เป็นคนจีนหรือคนไทย นายเสี่ยวหลงอ้างว่ามีเพื่อนเป็นคนไทยประมาณ 10 คนทำธุรกิจ เพื่อนจะพาไปทานข้าวทุกวัน ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มานั่งขอทานมีเงินพอกลับประเทศแล้วหรือยัง นายเสี่ยวหลงหลีกเลี่ยงที่จะตอบ พร้อมบอกว่าวันนี้ได้เงินประมาณ 40-50 บาท แต่ไม่ตอบว่าตลอด 3 วันได้เงินเท่าไหร่ พร้อมบอกว่า ไม่มีเอกสารติดตัวอยู่ที่ห้องพักย่านเยาวราช แต่มีรูปถ่ายอยู่ในโทรศัพท์ แต่ตำรวจขอดูเอกสารกลับอ้างว่าโทรศัพท์เสียเปิดไม่ได้ จึงพาตัวไปสอบสวนที่ สน.บางรัก

ที่ บก.ปคม. วันเดียวกัน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม.เผยว่า หลังทราบเรื่องสั่งการให้ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ปันไชย ผกก.1 บก.ปคม. จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ปคม. ลงพื้นที่สนับสนุนการทำงานตำรวจท้องที่ทันที พร้อมประสานข้อมูลกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่า เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะถือเป็นคดีที่น่าสนใจ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกี่ยวกับสิทธิมนุษย์ ส่วน พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ปันไชย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มขอทานชาวจีนเหล่านี้ว่าทำกันลักษณะขบวนการหรือไม่ รวมไปถึงประสานข้อมูลร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขอทราบรายละเอียดการเดินทางเข้าออกประเทศ

...

ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม. ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีสตรีขอทานชาวต่างชาติ พม. ต้องประสานงานกับหลายหน่วยงาน ต้องดูมิติเรื่องการค้ามนุษย์ด้วยว่า ขอทานคนนั้นถูกนำมาแสวงหาประโยชน์หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นต้องสืบสาวหาข้อเท็จจริง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างประเทศ เบื้องต้นต้องตรวจสอบก่อนว่า เข้าเมืองมาอย่างไร มีเอกสารหรือไม่ พม.ต้องประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบว่าถูกใช้ประโยชน์ด้วยการโดนขู่เข็ญโดนทำร้ายอย่างไร เพื่อหาทางดำเนินการต่อไป ประเทศไทยให้ความสำคัญและเข้มงวดการค้ามนุษย์ จะดำเนินการโดยเด็ดขาดหากจับได้และสืบสาวราวเรื่องให้ถึงต้นตอ

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่