ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาจำคุก 5 ปี และให้ริบเงิน 27,000 บาท กับ 4 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง หลังเรียกรับเงินแลกกับการละเว้นจับกุมนักแสดงสาวชาวไต้หวันกับพวกฐานครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าและไม่พกพาสปอร์ต เหตุเกิดบริเวณด่านตรวจหน้าสถานทูตจีนเมื่อช่วงต้นปี ส่วนที่เหลืออีก 2 นาย ศาลยกฟ้องเนื่องจากพิสูจน์ไม่ได้ว่าทั้งคู่ร่วมกระทำผิดตามฟ้อง
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต เป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.อ.ยอดฤทธิ์ ลางคุลเสน อดีตรอง สวป. สน.ห้วยขวาง ร.ต.อ.ปฏิภาณ ศิริชัยวัฒนา อดีตรอง สว.ธร.สน.ห้วยขวาง ส.ต.อ.นันทวัชร์ สุวรรณา อดีต ผบ.หมู่ ป. สน.ห้วยขวาง ด.ต.กฤษฎา คำมะนา อดีต ผบ.หมู่ ป. สน.ห้วยขวาง ส.ต.อ.เฉลิมชัย ศิริวังโส อดีต ผบ.หมู่ ป. สน.ห้วยขวาง ส.ต.อ.วัชรนนทร์ ชาวทอง อดีต ผบ.หมู่ ป.สน.ห้วยขวาง เป็นจำเลยที่ 1-6
อัยการโจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 5 ม.ค. เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยทั้ง 6 ซึ่งเป็นตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีน จำเลยที่ 2 สังเกตเห็นรถยนต์มีลักษณะต้องสงสัยจึงส่งสัญญาณให้จอดเพื่อให้จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ทำการตรวจค้น โดยมีจำเลยที่ 1-3 อยู่ร่วมกันในบริเวณดังกล่าวพบกลุ่มคนโดยสาร 1 ในนั้นมี น.ส.อัน หยู ชิง นักแสดงสาวชาวไต้หวัน มีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง 3 ชิ้น ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และเป็นชาวต่างชาติไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทางหรือหลักฐานอื่นใดว่าได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จากนั้นจำเลยที่ 1-6 ได้ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวน 27,000 บาท จาก 1 ในกลุ่มคนต่างชาติข้างต้นเพื่อให้ไม่ต้องถูกดำเนินคดี มีการส่งมอบเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับจำเลยที่ 3 จากนั้นจำเลยที่ 1-2 สั่งปล่อยตัวทั้งหมดออกจากจุดตรวจไปโดยไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายแต่อย่างใด ขอให้ลงโทษพวกจำเลยตามความผิดและขอให้สั่งริบเงิน 27,000 บาท ที่จำเลยที่ 1-6 ได้มาจากการกระทำความผิดให้ตกเป็นของแผ่นดิน
...
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งหกกระทำความผิดหรือร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าโจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานสำคัญเบิกความสอดคล้องกับบันทึกคำให้การที่ได้ให้การไว้ต่อพนักงานสอบสวนได้ความว่า ในคืนวันเกิดเหตุพยานกับเพื่อนถูกตำรวจที่ตั้งจุดอยู่บริเวณหน้าสถานทูตจีนตรวจค้นตัว จากการตรวจค้นตัวพยานและเพื่อนพบบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน เมื่อตำรวจขอตรวจหนังสือเดินทางในกลุ่มของพยานมีเพียงคนเดียวที่พกพาหนังสือเดินทางฉบับจริง ที่เหลือมีภาพถ่ายในโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากนั้นตำรวจแจ้งว่าพยานกับพวกทำผิดกฎหมายมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครองและไม่พกพาหนังสือเดินทางต้องถูกนำตัวไปที่สน.ห้วยขวาง อาจถูกควบคุมตัวไว้ 2-3 วัน หรืออาจถูกจำคุก พยานพยายามพูดคุยต่อรองให้ตำรวจปล่อยตัวพยานกับพวก ในที่สุดตำรวจได้บอกให้พยานจ่ายเงินกรณีที่มีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง 3 อัน อันละ 8,000 บาท และพยานกับพวก 3 คน ไม่พกหนังสือเดินทางอีก 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 27,000 บาทเพื่อแลกกับการปล่อยตัว พยานจึงจ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้ตำรวจไป
ทั้งนี้พยานสามารถจดจำใบหน้าตำรวจที่เข้ามาพูดคุยต่อรองกับพยานได้ 3 คน คือ จำเลยที่ 2-4 นอกจากนี้ขณะที่มาเบิกความเป็นพยานที่ศาล ยังชี้ตัวจำเลยที่ 2-4 ผ่านระบบประชุมทางจอภาพได้ถูกต้องแม่นยำพิพากษาว่าจำเลยที่ 1-4 มีความผิดตาม ป.อาญา ม.149 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ม.173 จำคุก คนละ 5 ปี และให้ริบเงิน 27,000 บาท ที่จำเลยที่ 1-4 ได้มาจากการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ให้ตกเป็นของแผ่นดิน หากจำเลยที่ 1-4 ไม่สามารถส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าวได้เพราะเหตุโดยสภาพไม่สามารถส่งมอบได้ สูญหาย หรือไม่สามารถติดตามเอาคืนได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือนำสิ่งนั้นไปรวมเข้ากับทรัพย์สินอื่น หรือมีการจำหน่าย จ่าย โอนสิ่งนั้น หรือการติดตามเอาคืนจะกระทำได้โดยยากเกินสมควรหรือมีเหตุสมควรประการอื่น ก็ให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชำระเงิน 27,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 5 และ 6 ให้ยกฟ้องเนื่องจากไม่มีข้อเท็จจริง พยานหลักฐานใดที่จะบ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำผิดตามฟ้อง