“มูลนิธิปวีณา” ลุยช่วยเหลือเหยื่อที่ยังเป็น “เด็กหญิง” 2 คดี คดีแรก ด.ญ.วัย 6 ขวบ ถูกพ่อโหด ทำร้ายร่างกายมานาน 3 ปี ล่าสุดใช้ท่อพีวีซีทุบตีตามตัว และฝักบัวตีหัวแตก แถมกัดตามร่างกายจนเป็นรอยเต็มไปหมด พี่สาวพ่อป้าแท้ๆ ของเด็กทนไม่ไหว พาหนีมาขอความช่วยเหลือตำรวจ สน.ลาดพร้าว รับคดี ออกหมายจับตามลากคอมาได้แล้ว รับสารภาพเมา แต่อ้างตีลูกเพื่อสั่งสอน อีกคดีนายจ้างหื่น มีตำแหน่งเป็นถึง กต.ตร.โรงพักใน จ.สมุทรปราการ บุกข่มขืน ด.ญ.ลูกจ้างชาวลาววัยเพียง 14 ปี หลังรับเข้าทำงานบ้านได้เพียง 3 วัน หลังเสร็จกิจข่มขู่เด็ก อ้างเป็นตำรวจ ทำอะไรตัวเองไม่ได้ แถมเมียก็รู้เห็นเป็นใจเอายาคุมมาให้เหยื่อกินแทนที่จะช่วยเหลือ หลังออกหมายจับชุดสืบสวน สน.ทุ่งครุ บุกถึงบ้าน แต่หลบหนีไปแล้ว

มูลนิธิปวีณาฯเข้าช่วยเหลือเหยื่อ 2 คดี คดีแรกเปิดเผยขึ้นที่ สน.ลาดพร้าว เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ต.ค. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ป้าของ ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 6 ขวบ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ธนาพันธ์ ผดุงการ ผกก.สน.ลาดพร้าว พ.ต.ท.พงษ์เดช ชูสงค์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลาดพร้าว และ ร.ต.อ.หญิง มัฌชิมา ภามัง รอง สว. (สอบสวน) สน.ลาดพร้าว แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายบอย (นามสมมติ) อายุ 33 ปี พ่อแท้ๆของ ด.ญ.บี หลังก่อเหตุทุบตีลูกสาวของตัวเองมานาน 3 ปี ล่าสุดใช้ท่อพีวีซีฟาดตามตัว เอาฝักบัวอาบน้ำตีจนศีรษะแตก และกัดตามแขนขาเป็นรอยช้ำ จน น.ส.เอ ป้าของเด็กต้องพาหนีออกจากบ้าน แล้วติดต่อขอความช่วยเหลือจากทางมูลนิธิปวีณาฯ

น.ส.เอเผยว่า ปกติจะอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับหลาน เมื่อวันที่ 29 ก.ย.หลานบอกว่าป่ะป๊าตีหนู โดยใช้ท่อพีวีซีและฝักบัว ที่ผ่านมาต้องทนเห็น น้องชายของตนทุบตีหลานสาวมานานถึง 3 ปี จึงตัดสินใจพาหลานหนีและแจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯมาให้ความช่วยเหลือ ส่วนแม่ของเด็กเสียชีวิตไป 4 ปีแล้ว จากการเสพยาเสพติดเกินขนาดหัวใจวายเฉียบพลัน ส่วนพ่อของเด็กซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของตน เคยต้องโทษคดีเสพยาและจำหน่ายยาเสพติด ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นพนักงานส่งของเอกชน ส่วนยังมีพฤติกรรมเสพยาเสพติดหรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ แต่ทุกครั้งที่ก่อเหตุมักจะเมาสุรา

...

ด้าน พ.ต.อ.ธนาพันธ์ ผดุงการ เผยว่า จากการตรวจสอบประวัติพ่อของเด็กผู้เสียหายเคยมีประวัติถูกจับกุมข้อหาเสพยาเสพติดในท้องที่ สน.โชคชัย และต้องคดีเสพและจำหน่ายยาเสพติดในท้องที่ สน.ลาดพร้าว ล่าสุดต้องโทษจำคุกตั้งแต่ปี 2560 พ้นโทษมาเมื่อปี 2562 หลังจากรับแจ้งความจะส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ขณะเดียวกันจะสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนไปเชิญตัวพ่อของเด็กผู้เสียหายมาสอบถาม เพื่อดำเนินคดีข้อหาความผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 (กระทำทารุณกรรมเด็ก) พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 และตามมาตรา 295 ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และจะเชิญสหวิชาชีพมาสอบปากคำเด็กผู้เสียหายตามขั้นตอนต่อไป

ส่วนนายเรืองศักดิ์ กลับเนียม พนักงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก บ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพ มหานคร ที่เดินทางมาดูแลน้องบีเผยว่า เบื้องต้นจะให้ความช่วยเหลือแก่เด็กผู้เสียหาย โดยให้ไปพักอาศัยกับเจ้าหน้าที่ในบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกาย หากเด็กมีความพร้อมและสภาพแวดล้อมดีขึ้นจะอนุญาตให้กลับไปอยู่กับญาติได้ตามปกติต่อไป

มีรายงานล่าสุด ชุดสืบสวน สน.ลาดพร้าว ตามไปจับกุมตัวพ่อโหดรายนี้ได้แล้วบริเวณซอยโพธิ์แก้ว เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า ทำร้ายลูกสาวของตัวเองจริง เนื่องจากอยู่ในอาการมึนเมา แต่ทำไปเพราะต้องการสั่งสอนเด็กเท่านั้น แต่ตำรวจไม่เชื่อ คำให้การ รอสอบสวนเด็กผู้เสียหายดำเนินคดีกับพ่อโหดรายนี้ต่อไป

คดีที่ 2 เปิดเผยจาก สน.ทุ่งครุ เมื่อเวลา 15.30 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมทีมงานและตัวแทนเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและสตรี กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พา ด.ญ.ดาว (นามสมมติ) อายุ 12 ปี สัญชาติลาว เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ธงชัย บัวรังษี ผกก.สน.ทุ่งครุ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณี ด.ญ.ดาวถูกนายจ้างซึ่งเป็น กต.ตร.ในโรงพักแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ข่มขืนหลังมาทำงานเป็นแม่บ้านได้เพียง 3 วัน

นางปวีณากล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ป้าพา ด.ญ.ดาว (นามสมมติ) หลานสาววัย 12 ปี ทั้งสองเป็นชาวลาว เดินทางมาที่มูลนิธิฯแจ้งว่า นายหน้าพา ด.ญ.ดาว มาจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ไปรับจ้างทำงานบ้านหลังหนึ่งย่านทุ่งครุ กรุงเทพฯ เจ้าของบ้านจ่ายเงินให้ 2,500 บาท กับนายหน้า เริ่มทำงานเมื่อวันที่ 26 ก.ย. ต่อมาวันที่ 29 ก.ย. เพื่อนของ ด.ญ.ดาว ส่งข้อความมาหาป้าว่า ด.ญ.ดาว ถูกนายจ้างข่มขืน เมื่อป้าทราบเรื่องจึงโทร.สอบถาม ด.ญ.ดาวบอกป้าว่า ถูกนายจ้างผู้ชายข่มขืนจริง ช่วงกลางดึกไขกุญแจเข้าไปในห้องแล้วบอกว่าภรรยาของนายจ้างให้เข้ามานอนด้วย

ด.ญ.ดาวขัดขืนแต่ถูกใช้แรงผลักบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นป้าโทรศัพท์พูดคุยกับนายจ้างผู้หญิง ถามว่านายจ้างผู้ชายข่มขืน ด.ญ.ดาวหรือไม่ ภรรยานายจ้างปฏิเสธ ป้าขอรับตัว ด.ญ.ดาวกลับเกรงจะไม่ปลอดภัย แล้วตัดสินใจพา หลานเข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ

ด.ญ.ดาวกล่าวว่า ตนอยากทำงานหาเงิน เพื่อนจึงชวนมาที่ประเทศไทยโดยที่ตนไม่ได้บอกพ่อแม่ นายหน้าเรียกเก็บเงิน 6 พันบาท เป็นค่าเดินทางและหานายจ้างให้ วันที่ 26 ก.ย.ตนไปทำงานบ้านและเลี้ยงลูกให้สามีภรรยาคู่หนึ่งตกลงค่าจ้างเดือนละ 9 พันบาท กินนอนอยู่ที่บ้านนายจ้าง ตนจ่ายเงินค่านายหน้า 500 บาท ส่วนนายจ้างจ่าย 2,500 บาท ให้นายหน้า แต่ทำงานอยู่ได้ 3 วันช่วงกลางดึกวันที่ 29 ก.ย.ตนเข้าห้องนอนและล็อกห้องไว้ ช่วงตี 1 จู่ๆนายจ้างผู้ชายใช้กุญแจไขประตูเข้ามาในห้องแล้วใช้กำลังข่มขืนบังคับไม่ให้ร้อง ตนสู้แรงไม่ไหวและกลัวจนตัวสั่น นายจ้างผู้ชายทำจนสำเร็จความใคร่ก่อนออกจากห้องไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอตอนเช้าตนบอกเรื่องกับภรรยานายจ้าง เขารีบซื้อยาคุมฉุกเฉินให้หนูกินและบอกว่าไม่ให้เอาเรื่อง ส่วนนายจ้างผู้ชายบอกว่าเขาเป็นตำรวจทำอะไรเขาไม่ได้ ถ้าตนไปแจ้งความตำรวจจะจับตนเพราะหลบหนีเข้าเมือง

...

นางปวีณากล่าวเพิ่มเติมว่า หลังรับเรื่องประสาน พ.ต.อ.ธงชัย บัวรังษี ผกก.สน.ทุ่งครุเเละประสาน น.ส.กุลจิรา โฉมไสว หัวหน้าบ้านพัก เด็กเเละครอบครัวกรุงเทพมหานคร มูลนิธิปวีณาฯรับเด็กผู้เสียหายเข้ามาคุ้มครองที่บ้านพักเด็กฯทันที ก่อนนัดหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พร้อมเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กกรุงเทพฯพา ด.ญ.ดาว ไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งครุ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. พร้อมสอบสหวิชาชีพและตรวจร่างกาย หลังดำเนินการแจ้งความเสร็จพนักงานสอบสวนพา ด.ญ.ดาว ไปชี้บ้านเกิดเหตุ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับเสร็จสิ้นภายใน 1 วัน

ด้าน พ.ต.อ.ธงชัย บัวรังษี กล่าวว่า เบื้องต้นศาลอาญาธนบุรีอนุมัติหมายจับข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปีฯ ข้อหาเป็นนายจ้างรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงานฯ ข้อหาให้ที่พักพิงคนต่างด้าว และข้อหาจ้างแรงงานผิดกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งครุ นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายนิติพล ดีเฉลา อายุ 43 ปี ผู้ก่อเหตุ เดินทางไปถึงมีป้ายติดที่หน้าบ้านว่าคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ สถานีตำรวจภูธรสาขลา เลขที่ 3 ซอยประชาอุทิศ 90 แขวงและเขตทุ่งครุ กทม. แต่ยังไม่พบตัวผู้ก่อเหตุ อยู่ระหว่างเร่งสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ส่วน ด.ญ. ดาวผู้เสียหายส่งตัวไปกระทรวง พม.เป็นผู้ดูแล

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่