เขียนเกริ่นไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วว่าสัปดาห์นี้ประเทศไทยเรากำลังอยู่ระหว่างจัดงานใหญ่และมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศอย่างมากงานหนึ่ง ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 29 เป็นต้นมา และจะมีไปจนถึงวันอาทิตย์หน้า 8 ตุลาคม

นั่นก็คือ งาน Sustainability Expo 2023 หรือที่เรียกกันย่อๆตามแบบฉบับของวัยรุ่นหนุ่มสาวยุคใหม่ว่า SX2023...แปลเป็นไทยได้ว่า “มหกรรมการพัฒนาที่ยั่งยืน” ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นหนที่ 4 แล้ว

ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นงานวิชาการที่น่าปวดหัวเพราะเต็มไปด้วยศัพท์แสงทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ...โดยเฉพาะภาษาอังกฤษหลายๆศัพท์หลายๆวลีบอกตรงๆว่าอ่านแล้วต้องเปิดดิกชันนารีหลายรอบกว่าจะได้คำแปล

แต่ก็อย่าให้ “ภาษา” หรือ “ศัพท์แสง” ทั้งหลายมาเป็นกำแพงกั้นความรู้ของพวกเราชาวไทยเลยครับ...ไปที่งานนี้กันซะก่อนดีกว่าไปดูโน่นดูนี่ไปดูการจัดนิทรรศการที่ตระการตา การโชว์แสงสีเสียงด้วยเครื่องมือทันสมัยไปหาอาหารอร่อยๆที่เขาจะระดมเชฟดังๆมาโชว์ฝีมืออย่างเต็มที่ และพาเด็กๆลูกๆหลานๆไปด้วย เพื่อไปเยือน “โซนเด็ก” ที่งานนี้จะจัดอย่างไฮเทคคู่ไปกับโลว์เทคถูกใจเด็กๆอย่างแน่นอน

หัวหน้าทีมซอกแซกเองก็จะพยายามหลบเลี่ยงภาษาอังกฤษเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการอ่านคอลัมน์วันนี้เช่นกันยกเว้นคำว่า “Sustainability” คำเอกที่เป็นชื่อหลักของงานนี้ คงต้องเขียนถึงบ่อยๆหน่อย เพราะนี่คือถ้อยคำที่จะเป็นหัวใจของ “การพัฒนา” ในทุกประเทศทั่วโลกนับแต่นี้เป็นต้นไป

โชคดีที่เรามีคำไทยๆที่ตรงเป๊ะคือคำว่า “ยั่งยืน” ท่องคำนี้ไว้ให้ดีๆนะครับ เพราะต่อไปการพัฒนาอะไรที่ไม่ยั่งยืนที่ทำลายสิ่งแวดล้อมโลกที่ทำร้ายทรัพยากรอันทรงคุณค่าของโลก ทำให้โลกร้อนโลกเน่า ฯลฯ จะโดนชาวโลกปฏิเสธ

...

ผลิตของอะไรไปขายถ้าเขารู้ว่าของที่เราผลิตทำร้ายโลกเขาก็จะเลิกซื้อ...และถ้าคนทั่วโลกเลิกซื้อเราจะอยู่ได้อย่างไร?

โชคดีอีกที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่มีสายพระเนตรไกลและทรงแนะนำสั่งสอนพสกนิกรของพระองค์ท่านมาล่วงหน้าแล้วหลายปี

อย่าตัดไม้ทำลายป่านะ ใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงนะ ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ดีนะ...เป็นพระราชดำรัสที่ทรงสอนและทรงจัดทำโครงการเป็นตัวอย่างให้พสกนิกรชาวไทยได้รู้ได้เห็นมาเป็นเวลายาวนาน

และก็นับว่าเป็นโชคดีของคนไทยต่อมาอีก เมื่อในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่าจะ “สืบสานรักษาและต่อยอด” อันหมายถึงการที่จะต่อยอดและสืบสานโครงการที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของในหลวง รัชกาลที่ 9 ต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง

ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ผลิตและนักธุรกิจไทยซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของโลกมาอย่างใกล้ชิด ต่างก็ตระหนักดีว่าทางเดินของโลกนับวันจะแคบเข้าและจะมุ่งเข้าหาจุดหลักที่ทุกๆฝ่ายจะต้องช่วยกันดูแลโลกมากยิ่งขึ้นทุกขณะ จึงได้ดำเนินการเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆเช่นกัน

นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติในส่วนการผลิตสินค้าและบริการของตนเอง ไปจนถึงการให้ความรู้แก่สาธารณชนทั่วไป

ภาคเอกชนและธุรกิจ 5 แห่ง อันได้แก่ บริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือในชื่อย่อ GC, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCG

ได้ร่วมกันจัดงานเพื่อให้ความรู้ในประเด็น ของการพัฒนาในแบบ “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability) มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 หน...และหนนี้จะเป็นครั้งที่ 4

ชี้ให้ประชาชนตระหนักถึงความอยู่รอดของโลกในอนาคต ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับตัวในแง่การผลิตสินค้าและดำเนินธุรกิจไปสู่วิถีที่จะต้อง “รักษ์” และ “ดูแล” โลกให้มากขึ้น

งานมหกรรมการพัฒนาที่ยั่งยืน ณ ศูนย์สิริกิติ์ปีนี้จะแบ่งเป็น 5 โซน ในบริเวณ ชั้น G เหมือนเคยแต่จะมีตัวอย่างใหม่ๆและทันสมัยมาโชว์ให้คนไทยได้ดูชมและรับรู้มากขึ้น

เริ่มจาก โซนที่ 1 ที่จะเรียกกันว่าโซน “แรงบันดาลใจ” หรือ Inspiration จะเป็นโซนที่ให้ความรู้ว่า “สมดุลใหม่” คืออะไร? เพราะอะไรจึงต้องรีบลงมือทำและต้องตระหนักในเรื่องรักษ์โลก? เต็มไปด้วยนิทรรศการและตัวอย่างที่ดูแล้วตื่นตาตื่นใจในโซนนี้

โซน 2 BETTER ME ว่าด้วยการดูแลสุขภาพและชีวิตให้ยืนยงอย่างยั่งยืน...การดูแลสุขภาพสมัยใหม่เป็นอย่างไร? นวัตกรรมทางการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุมีอะไรบ้าง?

โซน 3 BETTER LIVING พบกับตัวอย่างธุรกิจยั่งยืนของโลก, กระบวนการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม, การดูแลน้ำ, การลดคาร์บอน การกำจัดของเสียอยู่ในโซนนี้ทั้งหมด

โซน 4 BETTER COMMUNITY จำลองเมืองในฝัน สังคมในฝัน การอยู่อย่างปลอดภัยอย่างพอเพียง และ โซน 5 BETTER WORLD หรือโลกใหม่ที่ดีกว่าเก่า ตื่นตาตื่นใจไปกับการแสดงและนิทรรศการที่เกี่ยวกับความยั่งยืนในหลายรูปแบบ รวมทั้งผลงานนานาชาติจาก 10 ประเทศอาเซียนเราด้วย

ยังไม่หมดครับ ยังไม่หมด ยังมีอีก 3 โซนในชั้น LG และบอกได้เลยว่านี่คือ 3 โซนที่ห้ามพลาด

มีโซน Food Festival ที่ฮิตที่สุดทุกครั้งที่จัดและปีนี้จะฮอตมากกว่า (ข่าวว่าร้านดังมากมาร่วมงานกว่า 100 ร้าน) ตามด้วยโซน Marketplace เพื่อช็อปสินค้างานคราฟต์โดนใจเพื่อสังคมและชุมชน

ตบท้ายด้วย Kids Zone หรือโซนสำหรับเด็กๆซึ่งปีนี้จะมีการนำเสนอความรู้ว่าด้วย แมลงตัวจิ๋ว และกิจกรรมเสริมทักษะต่างๆ ที่จะประทับใจเด็กๆและสร้างความคิดในแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนให้อยู่ในใจของเด็กๆที่จะเติบใหญ่เป็นผู้ดูแลประเทศนี้และโลกนี้แทนผู้คนรุ่นเราในโอกาสต่อไป

...

วันนี้อาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม อ่านแล้วไปทันก็ไปนะครับ...ถ้าไปไม่ทันก็ลงปฏิทินตั้งโต๊ะเอาไว้...ยังมีเวลาไปจนถึงอาทิตย์หน้า 8 ตุลาคม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์...ลงรถไฟใต้ดินไปเลยนะครับ สะดวกที่สุดและช่วยรักษ์โลกเข้าลักษณะการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ดีกว่าการขับรถ (คาร์บอนเยอะ) ไปกันเอง.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ “ซูมซอกแซก” เพิ่มเติม