วันที่ 19 ก.ย.66 ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงการเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะทำงานเร่งรัดพัฒนากรุงเทพมหานคร 7 คน ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รมว. มหาดไทย รมว.คมนาคม เป็นรองประธาน เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, ผบ.ตร., ผู้ว่าฯ กทม. เป็นคณะทำงาน และมีปลัด กทม.เป็นคณะทำงานและเลขานุการ โดยท่านนายกฯมองว่ากรุงเทพฯมีปัญหาสำคัญในการขับเคลื่อนคือ การประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา การประสานงานเป็นไปได้ด้วยดีในระดับหนึ่ง แต่ขาดการขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์อย่างบูรณาการ หลายๆครั้งเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าร่วมกันในแต่ละเรื่อง ดังนั้น จึงได้ตั้งคณะทำงานเพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนปัญหาเร่งด่วนที่ต้องอาศัยความร่วมมือของหลายหน่วยงาน โดยคณะทำงานจะทำงานคล้ายรูปแบบ คณะกรรมการบริหาร (Executive Committee) ในภาคเอกชน เป็นคณะเล็กๆ มีความคล่องตัว ตัดสินใจและขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างรวดเร็ว โดยคณะทำงานฯรายงานผลการดำเนินงานทุกเดือน

สำหรับปัญหาเร่งด่วนของ กทม.ที่ต้องเร่งดำเนินการ ด้านการจราจร ได้แก่ การกวดขันวินัยจราจร การลดปัญหาจุดฝืด การกำกับดูแลการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดปัญหาการจราจร การพัฒนาระบบสัญญาณไฟจราจรให้เป็นแบบอัตโนมัติ เป็นต้น ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมในเรื่องการส่งเสริมพัฒนาทักษะ (re-skill, up-skill) ให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐต้องการการสนับสนุนการจัดทำ Special Economic Zone ใน กทม.เพื่อกระตุ้นการลงทุน และดึงดูดบริษัทข้ามชาติให้มาตั้งสำนักงานในกรุงเทพฯ ด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ ดึงอัตลักษณ์สร้างเศรษฐกิจ 50 ย่านทั่วกรุงเทพฯเพื่อเพิ่มแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว จัดงาน Winter Festival ในช่วง พ.ย.-ธ.ค. เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ด้าน PM 2.5 ส่งเสริมการใช้รถยนต์ที่มีการปล่อยมลพิษน้อย เช่น รถ EV และน้ำมันมาตรฐาน EURO5 รวมถึงการจัดระเบียบสายสื่อสารลงดิน เป็นต้น คาดว่าสัปดาห์หน้าหลังจากนายกรัฐมนตรีกลับจากราชการในต่างประเทศ จะมีการนัดหารือคณะทำงานฯในรอบแรก

...

วันเดียวกัน ที่กระทรวงมหาดไทย นายชัชชาติได้เข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เพื่อหารือเรื่องทิศทางการทำงาน โดยนายชัชชาติได้ชนหมัดกับนายอนุทิน และมอบพวงมาลัยให้ นายอนุทิน กล่าวว่า มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะเป็นเพื่อนตอนเด็ก ทั้งนี้ ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ได้หารือกันนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นไปตามกฎหมาย ถ้า 2 เรื่องนี้มาบรรจบกันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ทั้งนี้ได้นัดผู้ว่าฯ กทม.ไปแล้ว เพื่อช่วยหาทางออก จะให้เกิดปัญหากับประชาชนไม่ได้ เรื่องนี้ต้องจัดการโดยเร็ว ดังนั้น สัปดาห์หน้าหลายฝ่ายจะหารือกัน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.