เมื่อครั้งวันวานอายุเพียง 11 ปี เขาเป็นอีกหนึ่งหนุ่มน้อยมากความสามารถทั้งพากย์การ์ตูน พากย์หนังโรง ร้องเพลง เต้น เล่นละคร ทั้งยังประสบความสำเร็จในกีฬาสแต็คหรือกีฬาเรียงแก้ว และมาวันนี้ก็ยังเก่งในสนามแข่งขันกีฬาเวคบอร์ด

“พีพี” อายุ 19 ปี เพิ่มความท้าทายให้กับชีวิตได้สุดยิ่งขึ้นด้วยการไปแข่งเวคบอร์ดกีฬาทางน้ำ การันตีความสำเร็จด้วยชื่อชั้นดีกรีความเก่งระดับทีมชาติ

ถามถึงเหตุผลการเลือกทำ...เลือกเล่นอย่างจริงๆจังๆในแต่ละกิจกรรม พีพี บอกว่า พ่อแม่ผมพยายามหากิจกรรมให้อยู่แล้ว แต่พอชอบอะไรก็อยากจะไปให้สุด ล่าสุดก็คือกีฬาเวคบอร์ด การันตีความสุดได้ระดับหนึ่งด้วยการคว้าตำแหน่งที่ 3 ของโลกมายืนยัน ในการแข่งขันสิงห์เวิลด์เคเบิลเวคบอร์ดฯ

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ไม่เกี่ยวว่าพีพีจะชื่นชอบกีฬาเอกซ์ตรีมมาก่อน หากแต่พอรู้จัก ได้ลองแล้ว พอชอบก็ตั้งใจพยายามทำอย่างเต็มที่ชนิดที่เรียกว่า...“ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”

พูดสั้นๆง่ายๆคือ ชอบอะไรแล้วก็จะเต็มที่ ทำให้สุดกับทุกๆเรื่อง

“พีพี” หรือ “พีรณัฐ ฟักทองอยู่”
“พีพี” หรือ “พีรณัฐ ฟักทองอยู่”

...

หลายปีมาแล้ว “ทีมข่าวสกู๊ปหน้า 1” เคยสัมภาษณ์พีพีกับชีวิตนักพากย์ ในช่วงเวลานั้นก็เป็นหนึ่งในความชอบที่ทำแล้วต้องสุดในช่วงอายุหนึ่ง แต่ก็คิดวางแผนเอาไว้ว่าทำได้ ทำดี แต่คงไม่สามารถทำเป็นอาชีพหลักได้ จึงทำเป็นงานอดิเรกเพื่อความสุขเท่านั้น

ปัจจุบันพีพีเรียนอยู่ มศว สาขาภาพยนตร์ฯ จะว่าไปแล้วทุกๆ กิจกรรมดีเด่นดังที่ทำมาตั้งแต่เด็กๆจนถึงวันนี้ ต้องยอมรับว่าช่วยเสริมให้เป็นพีพีในวันนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยเฉพาะความตั้งใจ ความอดทน ความมุ่งมั่น เพื่อที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ประสบความสำเร็จในแบบที่ตั้งใจเอาไว้

“ทุกสิ่งที่เริ่ม ทุกสิ่งที่ทำ...ย่อมมีอะไรดีๆเข้ามาทั้งนั้น” พีพี ว่า

อย่าง “เวคบอร์ด” ก็ได้คอมมิวนิตีเพื่อนต่างชาติ แล้วก็ยังได้ความแข็งแรงของร่างกาย มีหุ่นดี ตึงเปรี๊ยะ แข็งแรง เหมือนเราเข้าฟิตเนส แต่เล่นแล้วไม่มีเบื่อ เพราะเป็นสิ่งที่เราอยากทำ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องทำ

“กีฬาเวคบอร์ด ร่างกายต้องแข็งแรงสุดๆ หากดูจากท่าแต่ละท่า ก็จะมีจากง่ายๆไปถึงระดับที่ยากมากๆ แน่นอนว่าพื้นฐานของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น หากไม่ฟิตพร้อม...ก็คงทำไม่ได้และถึงทำได้ก็ทำได้ไม่ดี ฉะนั้นร่างกายจึงสำคัญมาก”

ส่วน “แรง”...ก็ใช้จากน้อยไปมากเหมือนกัน การฝึกเริ่มเล่นก็ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ข้ามขั้น...หนึ่งไปสอง...สองไปสาม...จากวันแรกจนถึงวันนี้พีพีสามารถเล่นได้อย่างเต็มสิบ...เต็มสิบได้ทุกวัน เพราะทั้งกายและใจมีพร้อมสุดๆอาจจะเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้

บางท่าจะเห็นว่าเหมือนบินอยู่ในอากาศได้เลย สมดุลบาลานซ์...รู้สึกหวิว สะใจ...ความหนักของการเล่นกีฬาเวคบอร์ดจึงเหมือนเทรนฯน้ำหนักมากๆเทียบกันได้เลยทีเดียว

ที่บอกไปว่าจะทำอะไรต้อง “สุด” นิยามคำว่าสุดของพีพีก็คือพยายามเต็มที่ แต่วันนี้ยอมรับว่าก็ยังไม่สุดนะครับสำหรับกีฬาเวคบอร์ด อยากสุด...ต้องไปแข่งงาน Red Bull ต่างชาติ เอกซ์ตรีมสุดๆ

กระนั้นแล้วถึงวันนี้พีพียอมรับว่าก็ยังไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันเยอะจนเบื่อ ยังอยากจะเล่น ยังอยากจะเดินหน้าต่อไป...ทำต่อไปเรื่อยๆ

ไหนๆก็เป็นวัยรุ่น ถามพีพีถึงเรื่องบ้านเมือง มองการเมือง “ประเทศไทย”...ยังไง คำถามนี้พีพีบอกตรงๆว่าไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารลงลึกในรายละเอียดเท่าใดนัก แต่ก็ไปเลือกตั้งนะครับ เลือกพรรคก้าวไกล

...

“เหตุผลที่เลือกเพราะชอบมุมมองต่างๆ รู้สึกว่ามองอะไรที่เฉียบขาด ดูมีฟิวเจอร์ มีเป้าหมายที่ชัดเจน...ผนวกกับมีความรู้สึกว่าเขาเจ๋ง การศึกษาดี เข้ากับมุมมองและวัยของเรา”

ถามต่อไปอีกว่าหากย้อนกลับไปมองผู้ใหญ่...นักการเมืองเก่าๆมากประสบการณ์ที่ไม่ได้เลือก เราไม่ชอบ ไม่เลือกเพราะเหตุผลอะไร? พีพี บอกว่า ความรู้สึกเหมือนฟังแล้วก็เรื่อยๆไป...เห็นมาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น คำพูดเวลาพูดออกมาก็ไม่สามารถดึงดูดให้เราฟังหรือสนใจได้

“คนรุ่นใหม่ต้องการอนาคตที่มีการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเดิมๆ ที่ผ่านมาครับ”

คุณพ่อคุณแม่พีพีอายุใกล้เคียงกันปัจจุบัน 50 ต้นๆ การพูดคุยกันในครอบครัวตามประสาพ่อแม่ลูก...ต้องบอกว่าอบอุ่น เราคุยกันอย่างมีเหตุมีผล คุยกันอย่างเข้าใจครับ...ส่วนใหญ่พ่อแม่จะคุยง่าย ไม่มีปัญหาความต่างคนละเจน พร้อมสนับสนุนซัพพอร์ตลูกตลอด เฟรนด์ลี พร้อมเปิดรับ รับฟังลูกตลอดเวลา

เมื่อเทียบกับครอบครัวเพื่อนๆที่เป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เรียกว่าสวนทางกันเลยทีเดียว...เคยรู้มาว่าเพื่อนเขาอยากเรียนมหาลัยแห่งหนึ่งมากๆ แต่ครอบครัวเป็นห่วงมากคิดว่าลูกยังเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้ไปเรียนตามความฝัน อยู่ไกลบ้าน ก็เลยไม่ปล่อย...เลือกให้ลูกเรียนตามที่ตัวเองคิดเท่านั้น

...

พีพี อยากจะบอกว่า ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่กับครอบครัวมีช่องว่างที่อาจทำให้ครอบครัวเกิดปัญหาขึ้นมาได้ พ่อแม่ควรที่จะต้องรับฟังลูก คุยกันด้วยเหตุด้วยผล ส่วนคนเป็นลูกก็ต้องรับฟังพ่อแม่ด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้าไม่ฟังกันจะยึดแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ช่องว่างระหว่างวัยก็ยิ่งจะสร้างปัญหาขึ้นมาได้ในทุกๆบ้าน

“ผมโชคดี มีพ่อแม่คอยอยู่เคียงข้างตลอด รับฟังเรา เราก็รับฟัง เขา ปัญหาส่วนใหญ่ที่เห็นบ่อยๆ การพูดกับผู้ใหญ่...พ่อแม่ เราอยากเป็นอย่างนี้ แต่ผู้ใหญ่อยากให้เราเป็นอีกอย่าง พ่อแม่ก็ไม่สนับสนุนสิ่งที่ลูกอยากเป็น...ก็เลยกลายเป็นว่าวิ่งขนานกันไปตลอดบรรจบกันไม่ได้”

มุมมองส่วนตัว...ครอบครัวรุ่นใหม่ แค่สนับสนุนสิ่งที่ลูกชอบน่าจะดีที่สุด “ครอบครัว”...เหมือนอยู่บนมอเตอร์เวย์เดียวกัน พ่ออยากให้ลูกไปถึงระยองแต่ลูกอยากอยู่แค่พัทยา ถ้าลูกไปถึงระยองลูกก็ต้องย้อนรถกลับมาอีก เสียเวลา

เรียกว่า...ลูกชอบอะไรก็สนับสนุนเต็มที่ไปเลย จะได้ถึงจุดหมายไวๆ เพราะถ้าถูกบังคับทำตามไปแล้วกว่าจะกลับมาเริ่มสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆก็ต้องใช้เวลานานหรือไม่มีโอกาสได้เริ่มอีกเลย ชีวิตพังไปเลย

...

ทว่า...มุมมองของเด็กก็ควรที่จะเข้าใจหัวอกพ่อแม่ด้วย เข้าใจผู้ใหญ่ว่าสิ่งที่บังคับนั้นเป็นความหวังดี ตรงนี้เอง...ต้องยอมรับว่าเรื่องในครอบครัวแต่ละบ้านพูดยาก

มุมมองส่วนตัวและประสบการณ์จากเพื่อนๆรอบตัวชัดเจนว่าบังคับก็คือบังคับ เป็นเรื่องที่แต่ละครอบครัวสอนกันมา ปลูกฝังเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กๆ

พีพี ย้ำว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้และในทุกกิจกรรมที่ทำก็คือเขาอยู่ในครอบครัวที่ดีที่มีพ่อแม่พร้อมสนับสนุนอยู่เสมอ ชีวิตส่วนตัวเป็นคนง่ายๆไม่เรื่องมาก แต่ก็อีกนั่นแหละที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพ่อแม่สอนมา ส่วนเรื่องเรียนอยู่ในระดับที่ขอใช้คำว่า “พอได้”...อยู่ในระดับปานกลางไม่ดีไม่แย่

ยึดหลัก “ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้” แล้วทุกๆวันจะมีอะไรที่ท้าทายอยู่เรื่อยๆ ชีวิตจะไม่นิ่ง ทำได้อย่างนี้ก็จะไม่รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำอะไร หรือปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์

ฝากมุมคิดถึงเด็กรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่...รุ่นเดียวกัน อย่าให้เวลาผ่านไปฟรีๆทำทุกวันให้มีค่า ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้นะครับ.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม