กระบะยางแตก บนทางด่วนฉลองรัช เสียหลักหมุนชนฟอร์จูนเนอร์-ขอบกันทาง ทำรุ่นน้องที่ทำงานนั่งข้างคนขับสังเวย 1 ศพ ส่วนช่างแอร์โชเฟอร์สภาพเมาแอ๋บาดเจ็บเล็กน้อย ตรวจค้นภายในรถพบเบียร์ 2 ขวด-เหล้าขาวอีก 1 ถูกเปิดดื่มแล้ว จับคนขับเป่าวัดค่าแอลกอฮอล์พุ่งปรี๊ดกว่า 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ 

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 15 ส.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทางด่วน 1 รับแจ้งอุบัติเหตุบนทางด่วนฉลองรัช จากถนนพระราม 9 มุ่งหน้าถนนรามอินทรา เหนือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ เขตลาดพร้าว กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วน แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และอาสาสมัครร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นถนน 3 เลน บริเวณเลนซ้ายสุด พบรถกระบะยี่ห้อนิสสัน สีบรอนซ์ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร สภาพพังเสียหาย ล้อหลังฝั่งซ้ายแตก ฝากระโปรงหน้าเปิด ใกล้กันพบคนขับรถกระบะคันดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50-55 ปี อาชีพช่างแอร์ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีแผลแตกที่ศีรษะ และมีรอยพกช้ำตามแขน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงให้การช่วยเหลือด้วยการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ภายในรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ ยังพบศพชาย 1 ราย สภาพศีรษะเปิดเป็นแผลฉกรรจ์ ลำตัวช่วงบนพาดขอบประตูรถห้อยออกมาด้านนอก ทราบชื่อต่อมาคือ นายอาณัติ วิจิตรปัญญา อายุ 38 ปี อาชีพรับจ้าง

จากการสอบถามผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะคันดังกล่าว และมีอาการคล้ายมึนเมาสุรา ทราบว่า ขับรถมาจาก รพ.กรุงเทพ โดยมีผู้ตายซึ่งเป็นรุ่นน้องที่ทำงานนั่งโดยสารมาด้วย โดยอ้างว่าขับรถมาด้วยความเร็วประมาณ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุ จู่ๆ ยางล้อหลังฝั่งซ้ายเกิดแตก จนทำให้รถเสียหลักและยากต่อการควบคุม จึงหมุนไปชนรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์และขอบทางด่วน ซึ่งขณะนั้นกระจกฝั่งผู้โดยสารไม่ได้ปิดเอาไว้

...

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะ สามารถวัดได้สูงถึงกว่า 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่าค่าที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ภายในรถยังพบขวดเบียร์ที่ถูกเปิดดื่มแล้วจำนวน 2 ขวด และเหล้าขาวอีก 1 ขวด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ นำผู้บาดเจ็บส่งไปรักษา ที่ รพ.เปาโลโชคชัย 4 หลังหายดีแล้ว จะเชิญตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อสรุปสาเหตุที่แน่ชัด ส่วนร่างผู้เสียชีวิตนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มอบให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ นำส่งชันสูตร ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ และจะมอบศพให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป