ปคบ.ทลายเครือข่าย “มาเรียคิม” สาวคาซัค สถานเจ้าแม่ขายยาลดน้ำหนักผสมสารไซบูทรามีน ค้น  6 จุด จับ 4 ผู้ต้องหาเป็นสาวไทย 2 คน หนุ่มฟิลิปปินส์และชายชาวปากีสถาน พร้อมของกลาง 270 รายการ มูลค่า 6 ล. แฉวิธีการจะจ้างให้ชาวไทยเข้าเป็นผู้ป่วยในสถานพยาบาลคลินิกเวชกรรมชื่อดัง ก่อนให้ผู้ร่วมขบวนการสั่งซื้อยาลดน้ำหนักคราวละจำนวนมาก มาผสมสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทส่งขายทั่วโลกกว่า 34 ประเทศมากกว่า 600 ครั้ง ประสานตำรวจสากลตามล่ามาเรีย คิม ที่ยังเคลื่อนไหวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มารับโทษ

ทลายแก๊งขายยาลดน้ำหนักผสมสารอันตรายส่งขายทั่วโลกเครือข่าย “มาเรียคิม” เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 15 มิ.ย. ที่ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก. ปคบ. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ. ตัวแทนจาก ป.ป.ส. สำนักคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. กรมสนับสนุนบริการทางสุขภาพ หรือ สบส., หน่วยงานสืบสวนอาชญากรรมข้ามชาติ หรือ TCIU และสำนักงานกลางแห่งชาติตำรวจสากลกรุงเทพหรือ Interpol NCB Bangkok ร่วมแถลงผลทลายเครือข่ายจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมไซบูทรามีนข้ามชาติ ตรวจค้นเป้าหมาย 6 จุด จับผู้ต้องหา 4 คน คือนายซาบีร์ อุลลาห์ อายุ 26 ปี ชาวปากีสถาน นายแอนโธนี เวิร์ด อายุ 58 ปี ชาวฟิลิปปินส์ น.ส.พรเพ็ญ ตะเพียนทอง อายุ 30 ปี น.ส.วรัญญา แสงราม อายุ 32 ปี ของกลางกว่า 270 รายการ รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท จับนายซาบีร์ ได้ที่อพาร์ตเมนต์ ซอยอ่อนนุช 17 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. จับนายแอนโทนีได้ที่บ้านพักใน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จับ น.ส.วรัญญาได้ที่บ้านย่านบางซื่อ กทม. และจับ น.ส.พรเพ็ญได้ที่บ้านใน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

พล.ต.ต.อนันต์เผยว่า ได้รับการประสานจากทางการมาเลเซีย และองค์การตำรวจสากลผ่านกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า นางเกาคาร์ คุซไซโนวา อายุ 33 ปี ชาวคาซัคสถาน หรือชื่อในวงการขายยาลดน้ำหนักว่า “มาเรียคิม” มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการลักลอบจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทผ่านเว็บไซต์ มีการโพสต์รีวิวโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เนื่องจากพบหลักฐานความเชื่อมโยงเกี่ยวกับกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายเดียวกันที่ถูกจับกุมได้ในประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 6 พ.ค.64

...

พล.ต.ต.อนันต์กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ยังได้รับการประสานจาก ป.ป.ส. เกี่ยวกับข้อมูลกรณีการจับกุมยาชุดลดน้ำหนักในประเทศจีน มีลักษณะตรงกับยาลดน้ำหนักสูตรที่มีจำหน่ายโดยเครือข่าย “มาเรีย คิม” ในประเทศไทย สืบสวนขยายผลจนทราบสถานที่จัดเก็บและบรรจุยาลดน้ำหนักจัดส่งให้ลูกค้า นำกำลังเข้าตรวจค้นกระทั่งจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พร้อมของกลาง ดำเนินข้อหาร่วมกันจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 (ไซบูทรามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันขายยาบรรจุเสร็จหลายขนานโดยจัดเป็นชุด ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดีกฎหมายต่อไป

“สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพ นายซาบีร์ และนายแอนโทนี รับว่า นางเกาคาร์ หรือ มาเรีย คิม เป็นผู้สั่งการให้บรรจุยาส่งให้ลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ ได้ค่าจ้างเดือนละ 20,000-25,000 บาท สอดคล้องกับคำให้การของ น.ส.วรัญญาและ น.ส.พรเพ็ญ ยอมรับว่า นางเกาคาร์ สั่งซื้อยาลดน้ำหนักและผลิตภัณฑ์อื่นๆจากตน เมื่อได้รับออเดอร์จะจัดหายาตามแหล่งขายต่างๆส่งให้กับนายซาบีร์และนายแอนโธนี ได้ผลตอบแทนจากการหาซื้อยาลดน้ำหนัก จะบวกกำไรจากยอดสั่งซื้อในแต่ละครั้ง” พล.ต.ต.อนันต์กล่าว

ผบก.ปคบ.ยังกล่าวต่อว่า ตรวจสอบย้อนหลังยังพบว่า มีการส่งยาลดน้ำหนักไปขายกว่า 34 ประเทศ มากกว่า 600 ครั้ง เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ อังกฤษ จีน และมาเลเซีย ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค.66 เครือข่ายนี้มียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 3 ล้านบาท ส่วนนางเกาคาร์ หรือมาเรีย คิม ยังเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ระหว่างประสานองค์กรตำรวจสากลจับกุมมาดำเนินคดี ส่วนการตรวจค้นห้องพักนายซาบีร์ยังพบพยานหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงินของสถานพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งจำนวนมาก

สืบสวนขยายผลพบว่า นางเกาคาร์ว่าจ้างให้คนไทยให้เปิด opd เป็นผู้ป่วยในกับสถานพยาบาลดังกล่าว ให้ได้เลขประจำตัวผู้ป่วย จากนั้นจะให้นายซาบีร์โทรศัพท์สั่งซื้อยาลดน้ำหนักจากสถานพยาบาล มีเจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลนำยามาให้ ขั้นตอนทั้งหมดไม่ได้พบแพทย์เพื่อตรวจรักษา เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาได้รับยาลดน้ำหนักจากสถานพยาบาลดังกล่าว จะนำไปผสมกับสารไซบูทรามีน จัดเป็นชุดและส่งขายให้กับลูกค้า

ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสถานพยาบาล พบเอกสารประวัติการเข้ารักษาของนางเกาคาร์ หรือมาเรีย พบว่ามีประวัติการสั่งจ่ายยาตั้งแต่ปี 57- 66 รวม 113 ครั้ง เป็นการจ่ายยาที่มีความถี่สูง มีปริมาณมากผิดปกติกว่าการจ่ายยาให้ผู้ป่วยเฉพาะราย ตรวจยึดยาไม่มีทะเบียน และพยานหลักฐานอื่นรวม 15 รายการ อีกทั้งพบว่าแพทย์ผู้สั่งจ่ายยาให้แก่กลุ่มผู้ต้องหาเป็นแพทย์แผนจีน ตามกฎหมายไม่สามารถจ่ายยาแผนปัจจุบันให้กับผู้ป่วยได้ การกระทำดังกล่าวมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยา พ.ศ.2510 ฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องดำเนินคดีกับแพทย์ผู้จ่ายยาและสถานพยาบาลด้วย