รวบแล้วหนุ่มเขมรร่วม 4 คนไทย ปลอมเอกสารเบิกเงิน 176 ล้านจากธนาคารแห่งหนึ่งในพื้นที่ สน.ทองหล่อ ตะลึงมีนายแพทย์ ม.ร.ว.คนดัง และลูกชายอดีตอธิบดีกรมการปกครองรวมอยู่ด้วย เผยทั้ง 4 คนไทยเข้ามอบตัวให้การปฏิเสธและขอให้การชั้นศาล ด้าน “รองโจ๊ก” เผยสั่งการเข้าตรวจค้น 2 จุด โดยเฉพาะคลินิก นพ.ม.ร.ว.ย่านพระราม 9 หาหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องอุ้มบุญ ขณะเดียวกันพบเจ้าของบัญชีเป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ทางการจีนต้องการตัว นอกจากนี้ยังส่งชุดสืบสวนเข้าตรวจค้นอาคาร 5 ชั้นย่านบางรัก คาดเป็นสถานที่พักฟื้นสำหรับหญิงไทยรับจ้างอุ้มบุญ โดยขยายผลมาจากคดีเรียกค่าไถ่ 2 ชาวจีนที่เมืองชลฯ
กรณีพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ รับแจ้งพบกลุ่มบุคคลใช้เอกสารปลอมเข้าติดต่อธนาคารแห่งหนึ่งในศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ พยายามแอบอ้างเป็นเจ้าของบัญชี ขอทำสมุดบัญชีเล่มใหม่เพื่อถอนเงินยอดกว่า 176 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่ามีการใช้หนังสือเดินทางปลอมและตราประทับตรวจคนเข้าเมืองปลอม ก่อนตามจับกุมดำเนินคดีชายชาวกัมพูชาวัย 40 ปี ที่อ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชี ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และขยายผลคนไทยที่เกี่ยวข้องในการเบิกเงินก้อนดังกล่าว
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 5 เม.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เผยว่า พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 5 ราย ฐานร่วมกันพยายามลักทรัพย์ ร่วมกันปลอมและใช้รอยตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ โดย 1 ใน 5 รายนั้น คือชายชาวกัมพูชาที่อ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชี ปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องกัก ตม. นอกจากนี้ยังมีหม่อมราชวงศ์และบุตรชายอดีตอธิบดีกรมการปกครองรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ เมื่อบ่ายวันที่ 4 เม.ย. ผู้ต้องหาตามหมายจับที่เหลืออีก 4 ราย พร้อมทนายความได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ โดยให้การปฏิเสธและไม่ขอให้การใดๆ ก่อนยื่นขอประกันในชั้นสอบสวนตามสิทธิ
...
รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาล เข้าค้นสถานที่ 2 จุด เป็นที่พักบุตรชายอดีตอธิบดีกรมการปกครอง ย่านประชาชื่น และคลินิกย่านพระราม 9 ของหม่อมราชวงศ์คนดังกล่าว อาจมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลกรณีการให้คำปรึกษากับลูกค้า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับอุ้มบุญ อยู่ในระหว่างตรวจสอบขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า จากนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียดเพื่อขยายผลหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่ม รวมทั้งขยายผลหาที่มาของเงินในบัญชี พร้อมประสานงานกับทางการจีนโดยสอบถามเบื้องต้นแล้วพบว่า เจ้าของบัญชีตัวจริงเป็นบุคคลที่ทางการจีนต้องการตัว มีพฤติการณ์เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ จะให้เจ้าหน้าที่ขยายผลหาที่มาของเงินดังกล่าวรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
มีรายงานว่า สำหรับหม่อมราชวงศ์ที่ถูกออกหมายจับ และเข้าค้นคลินิกย่านพระราม 9 เป็นนายแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญแก้ปัญหาด้านการมีบุตรยาก
ในส่วนของเรื่องอุ้มบุญ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเปิดเผยด้วยว่า เมื่อเช้าวันที่ 4 เม.ย. ชุดสืบสวนได้นำหมายค้นเข้าค้น อาคาร 5 ชั้น เลขที่ 491/13 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. ภายในแบ่งซอยย่อยเป็นห้องจำนวนมาก คาดว่าเป็นสถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับหญิงไทยที่จะทำหน้าที่อุ้มบุญให้ลูกค้าชาวจีน โดยจะพักอาศัยอยู่ในช่วงตั้งท้องจนคลอดบุตร ตรวจค้นพบชาวเมียนมา 3 ราย ชาวจีนและไต้หวัน 4 ราย นำตัวดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และจับกุมผู้ดูแลชาวไทย 1 ราย ในความผิดเกี่ยวกับการให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าวฯ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า การเข้าตรวจค้นอาคาร 5 ชั้น สืบเนื่องมาจากการขยายผลกรณีชาวจีน 2 ราย ถูกเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 5 แสนบาท เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาออกหมายจับดำเนินคดีชาวจีนที่ก่อเหตุ 4 ราย ประสานทางการจีนดำเนินคดี ขณะเดียวกันการสืบสวนยังพบว่า ผู้เสียหายชาวจีนที่ถูกจับเรียกค่าไถ่เป็นบุคคลที่ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้บัตรประ จำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญ โดยสืบทราบว่าอาคารดังกล่าวเป็นสถานที่ที่มีไว้เป็นที่พักสำหรับหญิงชาวไทยที่จะมาทำหน้าที่อุ้มบุญให้กับชาวจีน ได้สั่งการให้ขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกและจัดให้มีการอุ้มบุญให้ครบทั้งกระบวนการ เพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชาวต่างด้าว 7 คน ที่พบในอาคาร 5 ชั้น ย่านสีลม เป็นหญิงชาวเมียนมา 3 คน หญิงชาวจีน 1 คน และชายชาวจีนอีก 3 คน โดยเฉพาะที่เป็นหญิงไม่มีรายใดท้อง เจ้าหน้าที่จะได้ นำตัวไปสอบปากคำหาข้อเท็จจริงต่อไป
ต่อมาเวลา 18.00 น. พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยถึงคดีดังกล่าว จับกุมแล้ว 1 ราย คือ นายหวัง ชาวกัมพูชา ข้อหาลักลอบเข้าราชอาณาจักร และใช้เอกสารปลอม นอกจากนี้ยังได้ออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องเป็นชาวไทย 4 คน ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันลักทรัพย์ กระทั่งเมื่อวานนี้ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนพร้อมกับทนายความเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดให้การปฎิเสธและไม่ไห้การกับพนังงานสอบสวน เนื่องจากขอไปปรึกษาษาหารือกับทนายความก่อนจะให้ประกันตัวไปคนละ 150,000 บาท