“2-3 ปีจากนี้ไป ผมวางแผนการทำงานไว้ 7 มิติ ที่จะนำกรมฝนหลวงและการบินเกษตรก้าวไปสู่ความสำเร็จ” นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ว่าที่อธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวในโอกาสกรมฝนหลวงฯจะมีอายุครบ 10 ปี ในวันที่ 25 ม.ค.นี้

มิติที่ 1 การปฏิบัติการฝนหลวงต้องเต็มอิ่ม ระดมทรัพยากรที่มีอยู่ทำฝนในพื้นที่เป้าหมายทันทีที่สภาวะอากาศพร้อม จากเดิมเวลาทำฝนหลวง จะใช้เครื่องบินชุดละ 2 ลำ ทำให้ได้ประสิทธิภาพไม่เต็มที่

หลังจากนี้หากพื้นที่ใดมีสภาวะอากาศเหมาะสม จะขึ้นปฏิบัติการทำฝนหลวงเป็นทีมพร้อมกันหลายชุด ใช้เครื่องบินหลายลำ ไม่ใช่แค่ 2 ลำ เมื่อปฏิบัติภารกิจแล้วเสร็จ หากพื้นที่เป้าหมายอื่นๆ มีสภาวะอากาศเหมาะสม จะย้ายไปปฏิบัติการในพื้นที่นั้นๆพร้อมกันเป็นทีมทันที เพื่อให้ได้ฝนตกในปริมาณที่มากขึ้น

มิติที่ 2 นำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาใช้ปฏิบัติงาน นำโดรนมาใช้ในการทำฝนและตรวจสภาพอากาศแทนการยิงบอลลูน พัฒนาเทคโนโลยีโปรยสารทำฝนแบบอัตโนมัติแทนการใช้คน ปรับวิธีการบดสารฝนหลวงโดยใช้เครื่องจักร ปรับเทคโนโลยีลำเลียงสารทำฝนหลวงทดแทนการใช้คน พร้อมวิธีจัดเก็บสารฝนหลวงที่คงสภาพเพื่อยืดอายุการใช้งาน

มิติที่ 3 ใช้ทรัพยากรให้มีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด เครื่องบินแต่ละลำต้องปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ คุ้มค่า ใช้ประโยชน์ได้ทุกช่วงเวลา ช่วงเวลาพักทำฝนหลวงสามารถนำไปใช้ในภารกิจอื่นได้

มิติที่ 4 มุ่งเน้นการเกิดงานวิจัย เพราะงานวิจัยสามารถตอบข้อสงสัย แก้ปัญหาต่างๆได้อย่างมีเหตุผลเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งจะนำมาพัฒนาต่อยอดให้สามารถนำมาใช้งานได้จริง

มิติที่ 5 ขยายเครือข่ายอาสาฝนหลวง ให้ได้กว่า 10,000 คนทั่วประเทศ เพราะอาสาสมัครฝนหลวงจะเป็นตัวแทนของกรมได้ดีที่สุด ในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชน และสะท้อนปัญหาในพื้นที่ย้อนกลับมายังกรมฝนหลวงฯ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและตรงกับเป้าประสงค์มากที่สุด

...

มิติที่ 6 ปรับวัฒนธรรมองค์กร ยกระดับคุณภาพชีวิตของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ โดยสร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีมภายใต้เป้าหมายเดียวกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ พร้อมทั้ง สร้างอาคารรวม ที่ทำงาน ห้องชุด ที่จอดรถ ร้านค้า ที่อบรมสัมมนา โซนกีฬา ในอาคารเดี่ยว เพื่อเป็นสวัสดิการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่

มิติที่ 7 ยกระดับธรรมาภิบาลในภาครัฐ เน้นหลักคุณธรรม หลักนิติธรรม โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้าง จะต้องถูกต้องตามกฎระเบียบ ข้าราชการของกรมฝนหลวงฯ ทุกคนจะต้องไม่ถูกสอบสวนในเรื่องทุจริต.

สะ–เล–เต