นายยิ่งยศ จารุบุษปายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด เผยว่า ปี 2566 ตลาดกัญชงในหลายประเทศน่าจะมีการตื่นตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจากประเทศตัวอย่างที่ได้นำจุดเด่นด้านคุณประโยชน์ของสารสกัด CBD หรือ cannabidiol จากกัญชง ที่ช่วยในการรักษาโรค ช่วยผ่อนคลาย บรรเทาอาการเจ็บป่วย การอักเสบ มาทำเป็นสินค้าที่มีส่วนประกอบของสาร CBD วางจำหน่ายแล้ว โดยหนึ่งในประเทศแถบเอเชียที่น่าจับตาในตลาดกัญชง และเหมาะเป็นแหล่งเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจของไทยคือ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงสาธารณสุขไทยได้ประกาศย้ำความมั่นใจ เรื่องการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ และการใช้กัญชงเพื่อเศรษฐกิจไทย พร้อมเดินทางไปศึกษาดูสินค้า CBD ที่ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีการวางจำหน่ายอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โดยต้องปราศจากสาร THC หรือมีส่วนผสมสารดังกล่าวในปริมาณต่ำ แม้กัญชาจะยังเป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่นก็ตาม
ทั้งนี้ สินค้า CBD ในญี่ปุ่น ครอบคลุมกลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม อาหาร เครื่องสำอาง เพื่อเป็นทางเลือกดูแลสุขภาพ ซึ่งสอดรับพฤติกรรมชาวญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญต่อการใช้สินค้ากลุ่มดูแลสุขภาพและความงามที่ผลิต หรือมีส่วนประกอบของพืช กระทรวงพาณิชย์ได้มีรายงานว่า ปัจจุบันสินค้า CBD ในญี่ปุ่นมีการวางจำหน่ายแล้วมากกว่า 180 แบรนด์ ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ มีสินค้าทั้งในรูปแบบ CBD Candy ลูกอมที่ผสมสารสกัด CBD หรือ CBD Soft Capsule แคปซูลทานเพื่อปรับสมดุลให้ลำไส้เสริมสุขภาพ CBD Calming Balm บาล์มช่วยบำรุงผิวนุ่ม CBD Coffee กาแฟผสมสาร CBD
...
นายยิ่งยศ เผยอีกว่า นอกจากนี้ยังพบสินค้ากัญชงซึ่งผลิตโดยบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกาบุกตลาดญี่ปุ่นแล้ว ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่นิยมใช้สินค้า CBD เพื่อช่วยให้หลับสบาย ผ่อนคลาย และสนใจทดลองใช้เป็นวัยหนุ่มสาวช่วงอายุ 20-30 ปี ซึ่งถ้าพิจารณาเชิงลึกนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ชาวญี่ปุ่นได้มีตัวเลือกทางสุขภาพหลากหลายขึ้น เนื่องจากคนญี่ปุ่นมักมีความเครียดสะสมจากการทำงาน และยิ่งเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยโควิด-19
ข้อมูลจากสำนักข่าวในประเทศญี่ปุ่นระบุว่า ตั้งแต่โควิดระบาดในปี 2563 ถึงปัจจุบัน ชาวญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงช่วงวัย 20 ปี อีกทั้งในปลายปี 2565 กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นมีแผนดำเนินการแก้ไขกฎหมาย เพื่อใช้กัญชา/กัญชงในการแพทย์เพิ่มด้วย ดังนั้น สินค้า CBD จึงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป เทรนด์รักสุขภาพจะมาแรง คนทั่วโลกจะหันมาดูแลสุขภาพทางกายและจิตใจ รวมถึงปรับไลฟ์สไตล์วิถีการใช้ชีวิตเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีด้วยสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น.