กว่า 2 เดือนเปิดคดีของชุดสืบสวนนครบาล พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. นำทีมสืบสวนนครบาลบุกเข้าค้นผับ “จินหลิง” พื้นที่ สน.ยานนาวา จับกุมชาวจีน ยาเสพติดและอุปกรณ์เสพยาเสพติด ขยายผลสู่เครือข่าย นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” และทุนจีนเทา สมควรได้รับคำชมเชย แต่กลับถูกโจมตี

ผลทางคดีคืบหน้าขออนุมัติหมายจับและจับกุม นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” นายทุนจีนสัญชาติไทยและเครือข่ายที่ถูกพาดพิงเป็นนายทุนจีนเทา พล.ต.ท.ธิติ หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนถูกวิจารณ์ขั้นตอนการทำคดี ข่มขู่ย้ายพ้นตำแหน่ง ทั้งที่ยังไม่มีใครเห็น “สำนวนคดี” ซึ่งอยู่ที่คณะทำงานอัยการสูงสุด

สำนวนคดีเป็นความลับที่เปิดเผยไม่ได้ ตั้งแต่เริ่มต้นทำคดี พล.ต.ท.ธิติ เสนอ ผบ.ตร.ว่าคดีมีหลักฐานเชื่อมโยงความผิดองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ต้องเสนอสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ปปง. ป.ป.ส. หาพยานหลักฐานทั้งยาเสพติด เส้นทางการเงิน เพื่อดำเนินคดีเครือข่ายนายตู้ห่าว

...

อัยการสูงสุดมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกัน ตำรวจอัยการ มีรองอัยการสูงสุดเป็นประธาน ผบ.ตร.และอัยการสูงสุดเป็นที่ปรึกษา พล.ต.ท.ธิติ อยู่ในคณะทำงานสืบสวนสอบสวน ไม่ได้มีอำนาจในคดี แต่กลับตกเป็นเป้าหมายโจมตีประเด็นการทำคดี ตั้งแต่เก็บของกลาง ตรวจค้นรถของกลางและมีตำรวจเข้ามาช่วยผู้ต้องหา

คนที่เข้าจับกุมและยกระดับคดี “ทุนจีนเทา” เป็นคดีใหญ่กำลังตกเป็น “จำเลยสังคม”

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ติดตามคดีตั้งแต่ต้นได้เห็นความตั้งใจคณะทำงานตำรวจนครบาล สอบพยานกว่า 400 ปาก ขอหมายจับ 37 ราย แจ้งข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด สมคบยาเสพติดฯ และข้อหาฟอกเงิน จับกุมผู้ต้องหา 19 ราย ทั้งนายตู้ห่าวและภรรยานายตำรวจ ซึ่งเป็นข้อหาร้ายแรง เหลืออีก 18 ราย อยู่ระหว่างจับกุม ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. ดำเนินคดีผู้ต้องหา 114 ราย จะสรุปสำนวนเสนออัยการสูงสุดใน 2 สัปดาห์

พล.ต.ท.ธิติชี้แจงทุกประเด็นแต่มีบางส่วนไม่เชื่อ ด้วยกระแส ทำให้คนที่ไม่เข้าใจการสืบสวนสอบสวนคดีของตำรวจ มีขั้นมีตอน มีพยานหลักฐานมารองรับ การรวบรวมพยานหลักฐานนำขึ้นสู่การพิจารณาคดีชั้นอัยการศาลให้มีน้ำหนักลงโทษผู้ต้องหาทุกคดี ส่วนตำรวจมีส่วนช่วยเหลือผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาและส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.

ผบช.น.ใส่ใจรายละเอียดคดีครบถ้วนในทุกด้าน แต่กลับไม่เป็นที่ถูกใจ ภาพคลิปที่ปล่อยโจมตี ผบช.น. บางส่วนอยู่ “สำนวนคดี” ที่ตำรวจยังเปิดเผยไม่ได้ อยู่ในแฟ้มคดีของคณะทำงานอัยการสูงสุด ก่อนบานปลาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ แสดงภาวะผู้นำเข้ามาควบคุมคดีเอง และให้ความเป็นธรรม พล.ต.ท.ธิติ กลไกสำคัญคดี “ตู้ห่าว” ปกป้ององค์กรตำรวจ และชี้แจงทำให้สังคมได้เข้าใจและเชื่อมั่นการดำเนินคดีนายทุนจีนเทา

ข้อมูล “สำนวนคดี” ที่ ผบช.น. เสนอต่อคณะทำงานอัยการสูงสุด มีพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหา 25 หมาย ติดตามจับกุมได้ 17 ราย ข้อหาร้ายแรงยาเสพติด มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงิน มีน้ำหนักเพียงพอดำเนินคดีเครือข่ายนายตู้ห่าว แตกต่างจากข้อมูลที่นำมาโจมตี

เป็นสิ่งที่ทำให้คณะทำงานภายใต้อำนาจอัยการสูงสุดไม่ได้สนใจในกระแสกดดันจากคนภายนอก และโจมตี ผบช.น. ทุกฝ่ายเร่งหาหลักฐานพิสูจน์ผู้ที่กระทำผิดมาลงโทษตามฐานความผิด

นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน กล่าวว่า “ตรวจสอบสำนวนโดยละเอียดพบว่าพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในแนวทางที่ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ดีทุกอย่าง ตำรวจมุ่งเน้นสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหา ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง แต่มุ่งเน้นสอบ สวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยว ข้องทำผิด สืบสวนหาว่ามีกลุ่มขบวนการใดบ้างร่วมอยู่ด้วย ถือว่าเป็นการทำสำนวนถูกต้อง พนักงานอัยการเข้าไปดูได้เพิ่มเติมบางส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ให้ครบถ้วนจนออกหมายจับเพิ่มเติมผู้ต้องหาได้ ถือว่าเป็นการอาศัยสำนวนหลักจากพนักงานสอบสวนรวบรวมมา”

“ที่บอกว่าสำนวนของตำรวจมีความไม่ครบถ้วนนั้น จริงๆ ครบถ้วนสมบูรณ์พอสมควร พนักงานอัยการไม่ต้องทำอะไรมากมาย เพียงแต่มาหาจุดเชื่อมโยงในพยานหลักฐานเท่านั้น ส่วนประเด็นที่มีการพูดกันว่า มีการแจ้งข้อกล่าวหาล่าช้านั้น ไม่ถือว่าเป็นช่องโหว่ในการต่อสู้คดีของผู้ต้องหาแต่อย่างใด เพราะการแจ้งข้อหาเป็นเพียงกระบวนการหนึ่งในการสอบสวนเท่านั้น”

...

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.กล่าวว่า “ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.อัยการสูงสุดมอบหมายให้เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ มีหน้าที่ลงนามทำความเห็นทางคดีในสำนวนสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวนในสังกัด บช.น. บช.ก. บช.ปส. และ บช.สอท. และพนักงานอัยการที่ อสส.มอบหมาย 12 ท่านได้มาดูแลการสอบสวนด้วยตัวเองใกล้ชิดมาโดยตลอดร่วมกับพนักงานอัยการ เพื่อให้งานขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วและรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนที่สุด ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนมั่นใจในการสอบสวนคดีนี้ และขอให้เข้าใจให้ถูกต้องด้วยว่า ผบช.น. ไม่ได้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้แล้ว”

“ส่วนกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของ ผบช.น. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาว่าการดำเนินการสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมามีส่วนใดบกพร่อง และทำให้คดีเสียหายหรือไม่ ให้จเรตำรวจแห่งชาติเป็นประธานกรรมการ จเรตำรวจและตำรวจสอบสวนกลางเป็นคณะกรรมการและให้ตรวจสอบให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่ง เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมได้เชิญพนักงานอัยการเข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาและให้ข้อมูลประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริงในครั้งนี้ด้วย”

...

เป็นอีกคดีของตำรวจที่ถูกกระแสโซเชียลกดดันการทำงานรูปแบบเดียวกับ คดีแตงโม–น้องชมพู่ ที่ทำให้คนทำคดีอยู่ในสภาพกดดันกับปล่อยข่าวทำให้สับสน ทั้งที่สำนวนคดีไม่เคยถูกเปิดเผยออกมา และด้วยบุคลิก พล.ต.ท.ธิติเติบโตมากับงานสอบสวนไม่ชอบเป็นข่าว เป็นเป้าถูกโจมตี แต่ไม่เคยคิดตอบโต้ ก้มหน้าก้มตาทำงาน

หลังอัยการแถลงคดีล่าสุดให้ความเชื่อมั่น พล.ต.ท.ธิติ ยืนยันการทำงานของตำรวจ และมั่นใจ “สำนวนคดี” ทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกับที่ตำรวจเคยชี้แจง ยืนยันหลักฐานเอาผิดเครือข่ายทุนจีนเทา

ความเชื่อมั่นทั้งหมดที่กลับมาส่วนหนึ่งเกิดจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้ใช้ภาวะผู้นำเข้ามาแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่ตำรวจถูกใส่ร้าย ยึดถือหลักฐานทางคดีเป็นหลัก ไม่เอนเอียงตามกระแส

พร้อมอยู่เคียงข้างตำรวจที่ทำงาน และอยู่กับข้อเท็จจริงในคดี.

ทีมข่าวอาชญากรรม