“สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร. เผยชุดทำงานออกหมายเรียก 3 นอมินี “ตู้ห่าว-ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์” เพื่อตามเส้นทางการเงินยึดทรัพย์ต่อ หลังพบเงินแค่ 1 แสนบาทในบัญชีของเจ้าตัว ส่วนการตรวจหาหลักฐานในเครื่องบินส่วนตัว ที่สนามบินบ่อฝ้าย จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบคราบสารเสพติดไม่ชัดว่าเป็นการเสพบนเครื่องหรือใช้เครื่องบินขน ขณะที่อดีต ส.ส.ปชป.จับมือประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือถึง “บิ๊กตู่” ให้จัดการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มธุรกิจจีนสีเทา-เจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 2 ธ.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมตัวแทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และพนักงานอัยการผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนที่รับผิดชอบการสอบสวนคดีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในสถานบันเทิง “จินหลิง” ถนนเจริญราษฎร์ พื้นที่ สน.ยานนาวา

หลังการประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า เป็นการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนำข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆที่ตรวจค้นได้จากหลายจุดมาเข้าสู่สำนวนการสอบสวนคดี เพื่อกำหนดแนวทางการสอบปากคำและไล่เส้นทางการเงินว่าเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคลใดและร่วมกระทำความผิดอื่นหรือไม่ ส่วนทรัพย์สินที่ยึดได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ส. ใช้อำนาจดำเนินคดีฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและบังคับใช้กฎหมายการฟอกเงิน คาดสรุปสำนวนคดีเพื่อส่งให้พนักงานอัยการได้ในเร็ววัน ขณะที่ในกลุ่มของผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ 102 คน แบ่งเป็นการดำเนินคดี 3 กลุ่มคือ ความผิดฐานสมคบจำหน่ายยาเสพติด เฮโรอีน และยาบ้า, ความผิดฐานนอมินี ถือครองทรัพย์สินแทนบุคคลต่างชาติ และความผิดที่เกี่ยวข้องกับการสวมบัตรประชาชน

...

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังกล่าวด้วยว่า การขยายผลหาความเชื่อมโยงผู้ที่เกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว-ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ขณะนี้ตำรวจออกหมายเรียกเพิ่มเติม 3 คน ประกอบด้วย นางพัชรินทร์ที่ยังหลบหนีในประเทศไทย นางสุชาดา และอดีตนายตำรวจระดับ สารวัตร ซึ่งทั้ง 3 คนมีข้อมูลว่าร่วมกันเป็นกรรมการบริษัทที่มีนายตู้ห่าว-ชัยณัฐร์ เป็นประธาน หากสามารถควบคุมตัวทั้ง 3 คนได้ เชื่อว่าจะพบทรัพย์สินอีกจำนวนมาก เนื่องจากชุดจับกุมตั้งข้อสังเกตว่าเงินสดที่ยึดได้จากนายตู้ห่าว-ชัยณัฐร์มีเพียงแค่ 1 แสนบาท เป็นไปไม่ได้ที่นักธุรกิจระดับนี้จะมีเงินสดอยู่ในบัญชีแค่นี้

“ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานที่เก็บได้จากเครื่องบิน ใน อ.บ่อฝ้าย จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ระหว่างส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเกี่ยวกับยาเสพติด ดีเอ็นเอและรอยนิ้วมือแฝง เนื่องจากขณะตรวจค้นสุนัขที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดมสารเสพติด มีพฤติกรรมที่แสดงออกชัดเจนว่าเจอสารเสพติด นอกจากนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำกัปตันที่มีชื่อเป็นผู้ขับเครื่องบินดังกล่าวแล้ว ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เปิดเผยข้อมูลของบุคคลที่ใช้เครื่องบิน เป็นไปตามเอกสารหลักฐานยืนยันไว้ชัดเจน แต่ในส่วนของรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้สารเสพติดบนเครื่องบิน กัปตันไม่ได้ยืนยันในส่วนนี้ว่ามีลักษณะเป็นรูปแบบใด” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

สำหรับประเด็นที่มีสถานศึกษารับคนจีนเป็นนักเรียนเพื่อเอื้อต่อการทำวีซ่านักเรียนนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุว่า คาดว่าจะตรวจสอบครบใน 1-2 วัน ผู้บริหารในสถาบันการศึกษาต่างๆที่ร่วมทำเอ็มโอยู (MOU) กับกลุ่มทุนจีนเหล่านี้ หากพยานหลักฐานบ่งชี้ไปถึงว่ามีการร่วมมือกันหรือผู้บริหารสถานศึกษาของไทยมีส่วนรู้เห็นด้วย ถือว่ามีความผิดในฐานะเป็นผู้สมคบและร่วมกันกระทำความผิด

“การดำเนินคดีที่สำคัญคือการดำเนินคดีกับเหล่าเจ้าหน้าที่ ตม. เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้บริหารสถาบันการ ศึกษา เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ล้วนนำพาเอาคนจีนเข้าประเทศ ไทยและรู้เห็นการออกวีซ่านักเรียนให้กลุ่มคนจีนเหล่านี้อยู่ในราชอาณาจักรไทยในระยะยาว ถึงเวลากวาดบ้านแล้ว มิเช่นนั้นจะเป็นภาระกับตำรวจพื้นที่ ทั้งๆที่ด่านหน้าสำคัญควรเป็นเจ้าหน้าที่ ตม.แต่กลับกลายเป็นคอยให้ความช่วยเหลือทุนจีนสีเทาเหล่านี้” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

มีรายงานว่า สำหรับกรณีของนายหลินหลง ชาวจีนที่แต่งกายเลียนแบบทหารยศพันเอก มีพฤติกรรมทำตัวเป็นเจ้าพ่อ เก็บค่าคุ้มครองรายหัว เมื่อมีชาวจีนเข้ามาในประเทศไทยจะบอกวิธีการเอาวีซ่าเพื่ออยู่ต่อในประเทศไทย ด้วยการใช้ชื่อไปเข้าโรงเรียนเพื่อขอวีซ่าเป็นนักเรียน ทั้งนี้ชุดสืบสวนขอเวลาหนึ่งสัปดาห์ในการติดตามตัวมาขยายผล

ที่รัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช หรือสารวัตรแรมโบ้ ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวการยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้ดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด จัดชุดบุกตรวจค้นจับกุมแก๊งจีนข้ามชาติทำผิดกฎหมายอาญา (ธุรกิจสีเทา) และเร่งออกกฎหมายยึดทรัพย์คนจีนเหล่านี้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่ช่วยเหลือปลอมแปลงบัตรประชาชน ปลอมแปลงสัญชาติไทยให้คนจีนเอาญาติพี่น้อง ลูกหลาน พ่อแม่เข้ามาจากประเทศจีนมาสวมสัญชาติไทย ขอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการทำหน้าที่ออกกฎหมายที่มีบทลงโทษสถานหนักกับผู้ทำความผิดฐานปลอมแปลงสวมบัตรประชาชนคนไทยที่เสียชีวิตไปแล้วในสถานหนักด้วยการจำคุกสูงสุดถึง 20 ปีหรือตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต รวมทั้งลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิดในเรื่องนี้และต้องถูกยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย

...

สำหรับกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์มีกลุ่มทุนธุรกิจจีนสีเทาขอวีซ่านักเรียนจากนั้นจะส่งรายชื่อให้เจ้าหน้าที่ ตม.อนุมัติวีซ่าให้ มีพฤติกรรมค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นการร่วมกันทุจริต ใน จ.อุดรธานี และ จ.แพร่ รวมกว่า 1,000 ราย อยู่ระหว่างทยอยแจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้องนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสุวัฒน์ชัย แสนราช ศึกษาธิการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า จังหวัดอุดรธานีมีแต่โรงเรียนไทยที่เปิดสอนภาษาจีนเสริม ส่วนที่ขอเปิดเป็นโรงเรียนจีนนำนักเรียนชาวจีนมาเรียนยังไม่มี ขณะที่นายอาณัติ มีบุญ ศึกษาธิการจังหวัดแพร่ กล่าวยืนยันว่าไม่มีโรงเรียนเอกชนในพื้นที่ขอวีซ่านักเรียนเอื้อนายทุนจีนสีเทาแต่อย่างใด ส่วนของโรงเรียนรัฐบาลอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล เพื่อรายงานต้นสังกัดต่อไป

ค่ำวันเดียวกัน พล.ต.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ ลงเผยแพร่ข้อมูลชาวจีนชื่อนายหลิน หลง เกี่ยวพันกับกลุ่มธุรกิจจีนสีเทา พร้อมภาพการแต่งกายชุดคล้ายทหารว่า กองทัพบกตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้พบบุคคลที่ปรากฏในข่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของกองทัพบก ชุดที่สวมใส่ไม่ใช่เครื่องแบบทหาร กองทัพบกขอความร่วมมือจากภาคเอกชน สมาคมและบุคคลทั่วไป ให้ระมัดระวังในเรื่องการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประกอบที่ดูคล้ายเครื่องแบบทหาร เพราะถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องแบบทหาร พ.ศ.2477 กองทัพบกเตรียมหารือกับส่วนราชการที่รับผิดชอบจดทะเบียนอนุญาตจัดตั้งสมาคมเอกชนต่างๆในเรื่องการกำหนดเครื่องแต่งกายของสมาชิกของสมาคมให้เกิดความเหมาะสมตรงตามวัตถุประสงค์ ไม่ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดและป้องกันผู้ไม่หวังดีนำไปแอบอ้างเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ