ตำรวจลุยไม่เลิก ค้นห้องชุดหรูกลางกรุง 2 แห่ง เจ้าของคือ “หวังเจิ้นหนาน” หนุ่มจีนวัย 21 ปี หลานชาย “ตู้ ห่าว” เจ้าของผับจินหลิงและเป็นเจ้าของรถโรลส์รอยซ์ ที่ตำรวจยึดได้จากผับจีนแต่รู้แกวออกไปก่อนตำรวจบุกค้นไม่กี่นาที ก่อนขึ้นเครื่องบินส่วนตัวหนีไปสิงคโปร์ในวันรุ่งขึ้น แฉรวยอู้ฟู่ซื้อยกชั้นในราคา 120 ล้านบาท ส่วนของกลางที่ยึดได้ทั้ง 2 จุด เป็นเงินสด 19 ล้านบาท รถหรู 6 คัน เป็นโรลส์รอยซ์ 1 คัน เบนซ์ 2 คัน รถตู้อีก 2 คัน เครื่องประดับราคาแพงอีกมาก รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 150 ล้านบาท ด้านปลัด อ.ฝาง โต้ ไม่มีการสวมบัตรให้แก๊งมังกรจีน เชื่อคนร้ายทำกันเอง ขณะที่ ผวจ.เชียงใหม่เตรียมสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าเจ้าหน้าที่มีเอี่ยวต้องจับกุม

กรณีตำรวจไซเบอร์นำโดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เปิดปฏิบัติการ “ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน” ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายธุรกิจจีนสีเทาเชื่อมโยงผับยานรกจินหลิง 3 จุดใน กทม.จับกุมผู้ต้องหา 15 ราย เป็นคนจีน 11 ราย คนไทย 4 ราย ของกลางเงินสดกว่า 42 ล้านบาท รถยนต์หรูกว่า 10 คัน โฉนดที่ดินหลายรายการ มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกจับ คือนายหลิน เหยียน พบบัตรประชาชนคนไทยชื่อนายยะปะสอ สวรรยาคีรี บัตรดังกล่าวเป็นหน้านายหลิน เหยียน ระบุว่า ออกโดย อ.ฝาง แต่เมื่อตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรพบว่า นายยะปะสอ สวรรยาคีรี ตัวจริง อายุ 25 ปี เป็นชาวไร่ข้าวโพด ใน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และยังมีชีวิตอยู่ ในส่วนนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะสืบสวนต่อไป

...

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังลุยตรวจค้นเครือข่ายธุรกิจจีนสีเทาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 4 พ.ย. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.(ปป.), พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(สส.) สั่งการ พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.จตุรภัทร ภิรมย์แก้ว รอง ผบก.ปส.1 และ พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.สส.ตม.4 พร้อมชุดปฏิบัติการ จาก บช.น. บช.ทท. บช.สอท. บช.ปส. และกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมหรู ใจกลาง กทม. 2 จุด คือ อาคารมหานครและอาคารบันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ ตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อพิสูจน์การได้มาและการครอบครอง ว่าเชื่อมโยงกับผับจินหลิงในลักษณะใด

จุดแรก อาคารบันยันทรี เลขที่ 1188/105 ชั้น 33 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 17 แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กทม. มีนายหวัง เจิ้น หนาน อายุ 21 ปี เป็นเจ้าของห้อง ตรวจค้นในตู้เซฟ พบโทรศัพท์ 2 เครื่อง เงินสด 19,088,000 บาท กำไล HERMES นาฬิกา HERMES แหวน GUCCI กำไล GUCCI กำไล VANCLEEF โฉนดห้องชุด ห้องเลขที่ 1188/105 โฉนดห้องชุด ห้องเลขที่ 1188/106 โฉนดห้องชุด ห้องเลขที่ 1188/107 นอกจากนี้ ยังพบกระเป๋า HERMES 2 ใบ รองเท้า ยี่ห้อ Chanel 1 คู่ สุราและไวน์ ราคาแพงจำนวนมาก มีนายจะหมี่ แซ่หลี่ อายุ 24 ปี และ น.ส.ณัฐชา แซ่หยาง อายุ 25 ปี คนพื้นที่ราบสูง ที่อยู่ 0/89 หมู่ 10 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ แสดงตัวเป็นผู้นำตรวจค้น

นอกจากนี้ตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อ โรลส์รอยซ์ สีดำ ทะเบียน กย 9 สระบุรี รถยนต์ยี่ห้อ Mercedes Benz สีดำ ทะเบียน 7 กส 7 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อ Mercedes Benz สีน้ำตาล ทะเบียน ฆษ 7 กรุงเทพมหานคร รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA VELLFIRE สีดำ ทะเบียน 5 กส 4841 กรุงเทพมหานคร รถยนต์นั่ง ยี่ห้อ TOYOTA ALPHARD สีดำ (ติดสติกเกอร์สีม่วง-น้ำเงิน) ทะเบียน ษธ 5888 กรุงเทพมหานคร

จุดที่ 2 ตึกมหานคร ห้อง 114/35-36 ชั้น 59 พบยาอี 10 เม็ดครึ่ง โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ไพ่กระดาษ 60 สำรับ สุราราคาแพงหลายยี่ห้อ 120 ขวด มีราคาแพงสุด 2 ล้านบาท รวมมูลค่าการตรวจยึดทรัพย์สินทั้ง 2 จุด จำนวนทั้งสิ้น 150 ล้านบาท รวมทั้งตรวจยึดเอกสารสำคัญและโทรศัพท์มือถืออีกหลายรายการ จะนำมาตรวจสอบโดยละเอียด เพื่อพิสูจน์การได้มาและการครอบครองของทรัพย์สิน ว่ามีความเชื่อมโยงกับผับจินหลิงลักษณะใด

...

พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 เปิดเผยถึงการตรวจค้นครั้งนี้ว่า จากการขยายผลการตรวจค้นผับจินหลิง เมื่อกลางดึกวันที่ 25 ต.ค. พบรถหรู 31 คัน 1 ในนั้นคือรถโรลส์รอยซ์ป้ายแดง พบชื่อผู้ครอบครองคือนายหวัง เจิ้น หนาน อายุ 21 ปี ชาวจีน ไหวตัวทันหลบหนีออกไปได้ก่อนทีี่่ตำรวจจะเข้าตรวจค้นไม่นาน ตรวจสอบเส้นทางหลบหนีพบว่า ช่วงบ่ายวันที่ 26 ต.ค.ได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่สนามบินภูเก็ต มุ่งหน้าประเทศสิงคโปร์ สำหรับนายหวัง เจิ้น หนาน เป็นหลานนายตู้ ห่าว และยังถือสัญชาติกัมพูชาอีก 1 สัญชาติ จากการขยายผลทราบว่า นายหวัง เจิ้น หนาน ซื้ออาคารชุดอยู่ที่บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอไซด์ ซอยสมเด็จเจ้า พระยา 17 แขวงและเขตคลองสาน กรุงเทพฯ โดยซื้อชั้น 33 เลขที่ 1188/105 ยกชั้น มี 4 ห้อง ในราคา 120 ล้านบาท เข้าตรวจค้นและตรวจยึดหลักฐานหาความเชื่อมโยงต่อไป

มีรายงานว่า สำหรับนายตู้ห่าว หรือ “หาวเจ๋อตู้” หรือชื่อไทยคือ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ที่ถูกเชื่อมโยงว่าเป็นเจ้าของผับคาราโอเกะจินหลิง ตัวจริง และเป็นหลานเขยอดีต รมต.ผู้หนึ่ง

ส่วนการขยายผลการตรวจค้นปฏิบัติการ “ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน” จับกุมนายหลิน เหยียนและพวก พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.เผยว่า จากการขยายผลอาชญากรรมทางออนไลน์ของนายหลินเหยียน ได้ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและโทรศัพท์มือถือกลุ่มผู้ต้องหาไปตรวจสอบร่องรอยทางดิจิทัล ประวัติ ข้อมูลการใช้งาน บันทึกและไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ตลอดจนเส้นทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ว่ามีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการฟอกเงิน หรือการกระทำผิดอื่นๆหรือไม่ เพื่อใช้ในการขยายผลจับกุมขบวนการที่เหลือ คาดว่าใช้เวลา 1 สัปดาห์จะทราบผล อีกทั้งจะนำข้อมูลที่ได้ไปเปรียบเทียบกับระบบแจ้งความออนไลน์ว่าตรงกับที่มีผู้เสียหายทางไซเบอร์ร้องเรียนเข้ามาหรือไม่ด้วย

...

รอง ผบช.สอท.กล่าวต่อว่า เบื้องต้น นายหลิน เหยียนให้การว่า ทำธุรกิจเปิดร้านสุกี้อยู่ที่ สปป.ลาว ตำรวจพบไพ่ภายในบ้านพักของนายหลินเหยียนที่เชื่อมโยงกับบ่อน “คิงโรมัน” ใน สปป.ลาว ส่วนสาเหตุที่เดินทางเข้าออกประเทศกัมพูชาและมาเลเซียหลายครั้ง อ้างว่าทำธุรกิจอยู่ที่ประเทศดังกล่าว แต่ไม่สามารถชี้แจงให้ฟังได้ว่าเป็นธุรกิจใด จากการข่าวพบว่าอาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการฟอกเงินให้กับกลุ่มเหล่านี้ อยู่ระหว่างขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด

พล.ต.ต.วิวัฒน์กล่าวต่อว่า หลังแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 3 พ.ย. มีพลเมืองดีและกรรมการหมู่บ้านร้องเรียนหลายราย ไม่น้อยกว่า 3-4 หมู่บ้านมีกลุ่มคนจีน เชื่อว่าเป็นกลุ่มนายหลินเหยียนหรืออาจเกี่ยวข้องกัน เข้ามาซื้อบ้านในหมู่บ้านหรู ราคาหลังละไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ด้วยเงินสดและมักจะซื้อติดๆกันหลายหลัง รวมถึงขนเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมาก หรือเครื่องนับเงินแบบที่ใช้ในธนาคารเข้ามาในบ้านผิดวิสัยคนปกติ หลังจากนี้ตำรวจไซเบอร์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนจะเข้าตรวจสอบตามที่ได้รับการร้องเรียน รวมถึงมีข้อมูลของผู้ต้องสงสัย อาจเป็นหนึ่งในขบวนการนายหลินเหยียน ที่จะต้องขยายผลตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป

ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับนายทุนจีนสวมบัตรประชาชนไทย ช่วงเช้าวันเดียวกันนายศราวุฒิ นามมนตรี ปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียนบัตร อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยพร้อมนำเอกสารถึงที่มาของบัตรประชาชน นายยะปะสอ สวรรยาคีรี ที่นายทุนจีนแก๊งอาชญากรรมออนไลน์เอาไปใช้ว่า นายยะปะสอ เป็นชาวเขาที่ได้สัญชาติไทยตามระเบียบสำนักทะเบียนกลาง ปี 2543 ส่วนบ้านเลขที่/ช ได้จากการสำรวจทะเบียนประวัติชุมชนบนพื้นที่สูง ปี 2542 ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 118/ช บ.หนองไผ่ ม.5 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กรณีนายยะปะสอไม่ได้มีการสวมตัวทำบัตร แต่น่าจะมีขบวนการปลอมแปลงบัตรขึ้นมาใหม่ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทุจริตสวมตัวทำบัตร หรืออาจจะเก็บบัตรได้ คนร้ายนำไปลอกบัตรด้านหน้าออกจะเหลือเพียงลายน้ำที่ลางเลือน แล้วนำภาพถ่ายที่จะใช้ใส่เข้าไปแทนและบัตรที่นายหลิงเหยียน นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ก็เป็นบัตรปลอม

...

ขณะที่นายวิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า รับทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว กรณีที่เกิดขึ้น ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ มีการปลอมแปลงกันอย่างไร ต้องดำเนินการไปตามระเบียบและขั้นตอนที่มีอยู่ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและดำเนินคดี