ตำรวจคุม 71 นักเที่ยวจีน “โอเกะจินหลิง” ส่งฟ้องศาลแขวงพระนครใต้ข้อหาเสพยาเค รอง ผบช.น.ไม่หวั่น แม้จะให้การปฏิเสธ ระบุมีหลักฐานชัดเชื่อว่ากระทำความผิด เตรียมทำแบล็กลิสต์เข้าประเทศทั้งหมด แม้จะไม่พบ สารเสพติด ด้าน “รองต่อศักดิ์” รับดาบ “บิ๊กเด่น” จัดระเบียบสถานบริการ สถานบันเทิงทั่วประเทศ ฝ่าฝืนปล่อยเด็กเข้า มียาเสพติด เล่นการพนัน ค้ามนุษย์ สั่งปิด 5 ปี ขู่ ผกก.และ บก.พื้นที่ต้องลงไปดูเอง ปล่อยปละเจอวินัย
กรณีตำรวจสืบสวนนครบาลบุกตรวจค้นสถานบันเทิงจินหลิง ย่านสาทร ลอบเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต มีนักเที่ยวชาวจีนทั้งหมด 266 คน กระจายอยู่ในห้องคาราโอเกะที่ตกแต่งด้วยจอแอลอีดีคล้ายยานอวกาศมากกว่า 20 ห้อง แต่ละห้องยาเสพติดนานาชนิดเกลื่อนพื้น ตรวจปัสสาวะพบสีม่วง 104 คน แพทย์ยืนยันเป็นการเสพเคตามีน 78 คน รับสารภาพ 48 คน ปฏิเสธ 30 คน เจ้าหน้าที่คุมตัวนักเที่ยวที่รับสารภาพส่งอัยการฟ้องศาล แต่มี 41 คนพลิกลิ้นให้การปฏิเสธ เหลือรับสารภาพแค่ 7 คน ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 ต.ค. ที่ สน.ยานนาวา พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. มาตรวจสอบสำนวนก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 71 คน ที่ให้การปฏิเสธข้อหาเสพยาเสพติดส่งฟ้องศาล โดยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ต.ค.นำตัวนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งหมดไปตรวจหาสารเสพติด พบว่ามี 78 คน ที่มีสารเสพติดในร่างกายแล้วรับสารภาพ 48 คน แต่เมื่อส่งฝากขังศาลแขวงพระนครใต้ กลับให้การรับสารภาพกับอัยการเพียง 7 คน ในส่วนของคนต่างชาติ เจ้าหน้าที่ส่งตัวเข้ารับการรักษา บันทึกเป็นรายชื่อแบล็กลิสต์แล้วผลักดันกลับประเทศ ส่วนอีก 41 คน ถูกส่งกลับโรงพักสอบปากคำอีกครั้ง รวมผู้ที่ให้การปฏิเสธข้อหาเสพเป็น 71 คน แม้ไม่มีผู้ใดรับสารภาพ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานทางวัตถุที่เกิดเหตุ ทางวิทยา ศาสตร์ และกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เชื่อว่ากระทำความผิด ส่วนบุคคลที่ไม่พบสารเสพติดในร่างกายเข้าสู่กระบวนการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง คัดกรองเป็นรายชื่อแบล็กลิสต์เข้าประเทศ
...
พล.ต.ต.นิธิธรกล่าวอีกว่า ส่วนตู้เซฟที่พบในสถานบันเทิงดังกล่าวมีทั้งหมด 5 ตู้ มี 3 ตู้ ยกมาเก็บรักษาที่โรงพัก อีก 2 ตู้ อยู่ในมาตรการควบคุมพื้นที่ในสถานบันเทิง มีความปลอดภัยพอสมควร เพราะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาตลอดเวลา รอผู้ที่แสดงตนเป็นเจ้าของติดต่อเพื่อเปิดเชฟ หากเกินวันจันทร์ที่จะถึง จะให้พนักงานบริษัทตู้เชฟมาเปิดต่อหน้าพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ตามขั้นตอนกฎหมายก่อนตรวจสอบว่าเจ้าของที่แท้จริงเป็นใคร มีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ส่วนรถหรูที่ตรวจยึดไว้ ถ้ามีเจ้าของตัวจริง มีหลักฐานถูกต้องก็ส่งข้อมูลหลักฐานว่าเป็นผู้ครอบครอง จะตรวจสอบที่มาที่ไปว่าถูกต้องหรือไม่
มีรายงานว่า ในส่วนผู้ต้องหาที่รับสารภาพข้อหาเสพ 7 คน เป็นนักท่องเที่ยวชายชาวจีน 4 คน ชายชาวไทย 1 คน และหญิงชาวไทย 2 คน ศาลแขวงพระนครใต้ พิพากษาลงโทษชายชาวจีน 4 คน และหญิงชาวไทย 2 คน ข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ยาเสพติดประเภท 1 และเสพเคตามีน ยาเสพติดประเภท 2 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด จำคุกคนละตั้งแต่ 1-2 เดือนและปรับตั้งแต่ 8,000-16,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1-2 เดือน ปรับ 4,000-8,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ (รอลงอาญา) มีกำหนด 2 ปี ส่วนชายชาวไทย 1 คน ถูกจับกุมและรับสารภาพข้อหาเสพสารระเหยโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ปรับรวม 4,200 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,100 บาท
จากนั้นเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.ฉัตรชัย พรชวลิตหิรัญ สว. (สอบสวน) สน.ยานนาวา ควบคุมผู้ต้องหา 71 คน ไปส่งฟ้องต่อศาลแขวงพระนครใต้ ในข้อหาเสพยาเสพติด ให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) ทยอยเดินออกมาจากโรงพักขึ้นรถคุมขังครั้งละ 10 คน แล้วไปส่งศาลทันที
ก่อนนี้ เมื่อเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน ที่ ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงงานป้องกันปราบปราม พร้อมมอบหมายให้ดูแลจัดระเบียบสถานบริการทั่วประเทศ ให้ดำเนินการตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 22/2558 และแก้ไขเพิ่มเติมที่ 46/2559 ทุกสถานบริการ หรือสถานประกอบการที่เปิดบริการคล้ายสถานบริการ จะต้องไม่ยินยอม ปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ ไม่เปิดเกินเวลา ไม่ปล่อยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด ยาเสพติดเข้าไปในสถานบริการ รวมถึงต้องไม่มีการค้ามนุษย์ในสถานบริการ หรือปล่อยให้มีการเล่นการพนันในสถานบริการ
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ตำรวจต้องลงตรวจสอบเรื่องสถานบริการให้เข้มข้น ผกก.หรือหัวหน้าสถานี ต้องลงไปดูด้วยตนเอง ส่วนระดับกองบังคับการ ต้องลงมาสุ่มตรวจสอบ หากพบว่าที่ใดปล่อยปละละเลย จะต้องดำเนินการทางปกครองและวินัยกับท้องที่ด้วย ส่วนสถานบริการที่ทำผิดกฎหมาย หากเข้าเงื่อนไขตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ต้องเสนอผู้มีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาต หรือสั่งปิดห้ามเปิดภายใน 5 ปี หากกระทำความผิดซ้ำมีโทษจำคุก 1 ปี ขอส่งสัญญาณไปยังตำรวจ ทุกท้องที่ว่า ตร.จะเอาจริงเอาจังเรื่องนี้ และจะส่งชุดไปสุ่มตรวจสอบเป็นระยะ ขอให้ไปดำเนินการให้เห็นผล เป็นรูปธรรมจับต้องได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคม