“ปวีณา หงสกุล” พาสองสาวอดีตพยาบาล เหยื่อกะเทย “ฮารุ” ขอความช่วยเหลือ “บิ๊กโจ๊ก-สุรเชษฐ์ หักพาล” ดำเนินคดีฐานค้ามนุษย์พร้อมเยียวยาเหยื่อ แฉ “ฮารุ” มีอาการทางจิตเข้าขั้นวิปลาส บังคับให้แม่-ลูกโกนหัวตบตีกันเอง ก่อนตัวเองจะสวมบทแม่พระเข้ามาปลอบประโลม ด้านตำรวจ สน.บวรมงคล ยืนยัน “ฮารุ” กับพวกยังไม่ได้ประกันตัว ถูกขังในเรือนจำพิเศษธนบุรี

ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ต.ค. ผู้เสียหายหญิงสาว 2 คน ที่เป็นอดีตพยาบาล เหยื่อทารุณกรรมกะเทย “ฮารุ” เดินทางเข้าพบนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความช่วยเหลือด้านคดี กรณีถูกนายฮารุ ฮวังสิริ อายุ 39 ปี นายตรีเพชรรัตน์ ณพชร อายุ 20 ปี กักขังหน่วงเหนี่ยวทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ บังคับให้ใช้หนี้ที่อุปโลกน์ขึ้นมากว่า 140 ล้านบาทจากธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเสริมคอลลาเจน

ทั้งนี้ 1 ในเหยื่อเปิดเผยว่า รู้จักกับนายฮารุเมื่อเดือน มิ.ย.64 จากนั้นถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนเป็นตัวแทนกระจายขายสินค้าคอลลาเจนและเซรั่มแต่ระยะหลังนายฮารุอ้างว่าขาดทุน บังคับให้รับผิดชอบหาเงินมาคืนจนต้องขายรถ ขายบ้าน กู้เงินจากที่ต่างๆรวมกว่า 10 ล้านบาท แถมถูกบังคับหายอดให้ได้ตามที่กำหนด หากไม่ได้จะทำร้าย ทุบตี ใช้เตารีดนาบขา หนักสุดเมื่อเดือน ส.ค. ถูกนายฮารุกับพวกเอาน้ำร้อนราดที่ลำตัวจนคิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่คิดถึงครอบครัวจึงทนทุกข์อยู่อย่างทรมาน กระทั่งมีตำรวจบุกเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนเหยื่ออีกราย เปิดเผยว่า ถูกชักชวนทำธุรกิจขายของออนไลน์ โดยขอเงินแม่มาทำทุนก่อนที่นายฮารุจะเอาเงินไปกว่า 3 แสนบาท ต้องจำนำรถยนต์ ขายที่ดินเอาเงินมาให้นายฮารุอีกกว่า 1 ล้านบาท

...

เบื้องต้นนางปวีณากล่าวว่า จะเร่งให้ความช่วยเหลือเหยื่อทั้ง 2 ราย ในเรื่องการรักษาตัวเนื่องจากมีแผลที่ถูกทำร้ายตามร่างกายและเริ่มป่วยเป็นโรคไต ขาบวม อ่อนเพลีย เครียด นอนไม่หลับ ต้องเร่งฟื้นฟูสภาพจิตใจ นอกจากนี้จะประสานตำรวจติดตามทรัพย์สินจากผู้ต้องหาและประสานกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้เหยื่อได้รับเงินเยียวยา พร้อมติดตามคดีอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม เตรียมพาผู้เสียหายทั้งหมดเข้าขอความช่วยเหลือกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.

ที่สโมสรตำรวจ เวลา 15.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พาอดีตพยาบาล 2 คน ที่เป็นเหยื่อแก๊งกะเทย “ฮารุ” พร้อมแม่และน้องชายของอดีตพยาบาลที่ตกเป็นเหยื่ออีก 1 รายเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอให้ช่วยเหลือติดตามทางคดีและเยียวยาค่าเสียหาย รวมไปถึงผลักดันคดีให้เป็นคดีค้ามนุษย์เหยื่อที่เป็นอดีตพยาบาลทั้ง 2 คนเปิดเผยถึงสาเหตุที่หลงเชื่อยอมถูกทำร้ายมานานนับปีว่า นายฮารุ ฮวังสิริ ผู้ก่อเหตุอ้างเป็นลูกทูต รู้จักกับตำรวจ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และคนในวงการบันเทิง เจ้าของเวทีประกวดนางงามเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ จากนั้นหว่านล้อมและหลอกให้ร่วมลงทุนขายของออนไลน์เกี่ยวกับอาหารเสริมคอลลาเจนพร้อมการันตีรายได้ ทั้งคู่ตัดสินใจลาออกจากพยาบาลมาร่วมงานด้วยเมื่อประมาณเดือน ก.ค.64 ช่วงแรกผู้ก่อเหตุจะสอนทำธุรกิจ โน้มน้าวให้นำเงินทั้งหมดมาร่วมลงทุน ส่วนสาเหตุที่ถูกทำร้ายส่วนใหญ่มาจากนายฮารุไม่พอใจ เริ่มทำร้ายมาตั้งแต่ปลายปี 64 ข่มขู่หากออกจากคอนโดฯจะดำเนินคดีฐานฉ้อโกงจากการทำธุรกิจและผิดสัญญา อีกทั้งจะเอาเรื่องไปถึงครอบครัว โดยแอบอ้างรู้จักนายตำรวจระดับสูงทำให้เหยื่อหวาดกลัวครอบครัวจะเดือดร้อน กระทั่งเดือน ก.ย. นายฮารุอารมณ์รุนแรงขึ้นถึงขั้นเอาน้ำร้อนราดเหยื่อ โดยให้นายตรีเพชรรัตน์กะเทยอีกคนจับเหยื่อมัดมือมัดเท้า รวมทั้งบังคับให้ทำร้ายร่างกายกันเองและโกนหัวโกนคิ้ว บังคับให้เหยื่อบางรายตบตีลูกตัวเองและพยายามสร้างเรื่องให้ลูกเกลียดแม่ตัวเอง จากนั้นนายฮารุจะทำตัวเป็นแม่พระเข้ามาปลอบเด็กสร้างความร้าวฉานระหว่างแม่ลูก

หลังการพูดคุยให้ข้อมูล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า สั่งการให้ชุดสืบสวนติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด เบื้องต้นอาจเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ จากการสืบสวนพบยังมีผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงอีกหลายราย อยู่ระหว่างขยายผลตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้อง ส่วนจะมีผู้ต้องหาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ต้องให้ชุดสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม

วันเดียวกัน พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.บวรมงคล เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบว่าผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้ง 2 คนยังไม่ได้รับการประกันตัว ยังถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี สำหรับผู้เสียหายรายอื่นๆที่เคยถูกผู้ต้องหาทั้ง 2 คนก่อเหตุ พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. มอบหมายให้ บก.สส.บช.น.เป็นผู้ดำเนินการ หากพบมีเหยื่อเพิ่มเติมจะประสานท้องที่เกิดเหตุให้เข้าแจ้งความ ในส่วนของ สน.บวรมงคล ยังไม่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติม เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเชื่อว่าผู้ต้องหาใช้จิตวิทยาในการหลอกลวงให้เหยื่อหลงเชื่อโดยสนิทใจ หากการสอบสวนขยายผลไปถึงข้อกฎหมายใดๆที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ พนักงานสอบสวนจะเร่งดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติมให้ถึงที่สุด