สภาทนายความ ช่วยเหลือยายวัย 80 ดำเนินการเรียกร้องเงินเยียวยาจาก สปสช.หลังลูกชายฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแล้วเสียชีวิต ถูกลูกสะใภ้แอบอ้างไปรับเงินแทน รวมทั้งช่วยคดีเหยื่อผับเมาน์เท่น บี
ที่สภาทนายความ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 ก.ย.2565 นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ นายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโน (ทนายคดีประหาร นพ.วิสุทธิ์) นำ นางอารมณ์ ศรีธัญญา อายุ 80 ปี อาชีพค้าขาย มาแถลงข่าวว่า ได้รับร้องเรียนจากนางอารมณ์ผ่านทางทนายอาสา ว่า เมื่อปี 2565 นายสุรชัย ศรีธัญญา บุตรชายคนเล็ก ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วเสียชีวิต ทาง สปสช. ตกลงยอมจ่ายเงินชดเชย 4 แสนบาทแต่ ทางญาติผู้ตายไม่ได้รับเงิน มาทราบในภายหลังว่า นางสาวเอ (นามสมมติ) ลูกสะใภ้ ได้สวมเป็นผู้มีสิทธิ์บเงินจาก สปสช. ทำให้ยายอารมณ์เดือดร้อน
นายกสภาทนายความ กล่าวต่อว่า ทางสภาทนายเห็นว่า เรื่องนี้เป็นการเอาเอกสารสิทธิของยายไปอ้างว่าเป็นผู้แทน หรืออะไรก็แล้วแต่ ไปเอาเงินมาจาก สปสช.โดยไม่มีสิทธิ ดังนั้นสภาทนายจึงรับเป็นทนายเรียกร้องเอาเงินจาก สปสช.มาให้ยายอีกครั้ง เพราะเงินเป็นของ สปสช. ยายไม่ต้องรับบาปเคราะห์ ส่วนการติดตามตัวสะใภ้ ที่ก่อเหตุก็แยกเป็นอีกเรื่อง
...
ด้าน นายสุชาติ ชมกุล กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการจ่ายเงินเยียวยาที่ผิดพลาด เพราะลูกสะใภ้ไปบอกเจ้าหน้าที่ สปสช.ว่า คุณยายอารมณ์ตายแล้ว แต่ก็ยังปล่อยเงินออกมาทั้งที่ไม่มีใบมรณบัตรมายืนยัน ส่วนเงินที่จ่ายไปผิดเป็นเงินของรัฐ ของ สปสช. ต้องติดตามเอาคืนจากผู้ไม่มีสิทธิ แต่ยายยังมีสิทธิรับเงิน ดังนั้นสภาทนายจะจัดทนายความช่วยเหลือเรียกร้องเงินตามสิทธินี้แก่ยายให้ครบทุกบาท
ขณะที่ นายวีรศักดิ์ โชติวานิช กล่าวว่า ในแบบฟอร์มของใบรับเงินเยียวยา จากที่ดูแล้วยังมีจุดข้อสังเกต คือ คำว่าผู้ที่มีสิทธิรับเงิน คือ ผู้อุปการะเลี้ยงดู แต่ไม่รัดกุมว่า ถ้าจะปล่อยเงินให้ผู้อ้างว่าอุปการะนั้น ต้องไม่มีทายาทเท่านั้นใช่หรือไม่ สปสช.ควรเรียกดูเอกสารเพิ่มเติมแต่ก็เพิกเฉย ส่วนความผิดของสะใภ้ ถือว่าแจ้งข้อความเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ใช้เอกสารปลอม และความผิดอื่นๆ คดีนี้สภาทนายจะติดตามอย่างไม่ปล่อย คดีนี้จึงมอบให้นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายรับเรื่องไว้ ลงพื้นที่ไปสอบข้อเท็จจริงและว่าต่างคดีให้แล้วโดยยายอารมณ์ไม่ต้องจ่าย
นอกจากนี้ สภาทนายความยังได้รับคณะผู้เสียหายจากกรณีเหตุเพลิงไหม้ผับเมาน์เท่นบี สัตหีบ รวม 6 ราย โดยกล่าวว่า ทางสภาทนายเคยมีประสบการณ์ว่าคดีให้ผู้เสียหายคดี "ซานติก้าผับ" จนคดีถึงที่สุดไปแล้ว เห็นว่าคดีเมาน์เท่นบี ต้องแก้ที่ภาครัฐต้องเพิ่มความเข้มงวดต้องเข้าไปดูอาคารสถานที่ เรื่องที่ติว่าเคยเกิดแล้วก็ไม่น่าจะเกิด แต่เมื่อเป็นเช่นนี้สภาทนายก็จะให้ความช่วยเหลือเหยื่อในทางแพ่ง และอาญา
ต่อมาญาติของเหยื่อสามราย ได้ร่วมกันเปิดเผยมีใจความสอดคล้องกันว่า ทางผับไม่ค่อยจ่ายเงิน พอเป็นข่าวที ก็ยอมคายเงินออก และสงสัยว่าพื้นที่ตรงนั้นเปิดผับได้อย่างไร การตรวจการควบคุมการออกแบบหละหลวมหรือไม่.