“จ่าทหารคลั่ง” ก่อเหตุสะเทือน ขวัญในห้องทำงานวิทยาลัยการทัพบก จ่อยิงหัวเพื่อนร่วมงานดับ 2 ศพ บาดเจ็บอีก 1 ประกาศกร้าวจะยิงให้ครบ 10 ศพ ตำรวจเข้าระงับเหตุเจรจาเกือบ 2 ชม. สุดท้ายยอมวางปืน 9 มม. อาวุธสังหารมอบตัว สอบเครียดตลอดทั้งวันให้การวกวน ผอ.พระธรรมนูญทหารแฉนาทีสยอง หลังเข้าทำงานหยิบปืนจากกระเป๋าที่ลักลอบเอาเข้ามายิงเพื่อนทันที ทั้งที่ไม่ได้มีปากเสียงกับใคร สงสัยเหตุจาก อาการป่วยทางสมองที่เคยผ่าตัดหลังประสบอุบัติเหตุบนถนนปี 59 ประกอบกับเป็นคนความคิดรุนแรง อารมณ์ร้อน ฉุนเฉียวง่าย เตรียมประสานแพทย์ตรวจสภาพจิต สัปดาห์ก่อน “บิ๊กบี้” ไปเป็นประธานพิธี ปิดการฝึกอบรมหลักสูตรหลักประจำ วทบ.ชุดที่ 67 เจ้าตัวแสดงอาการสุ่มเสี่ยงแล้ว แต่ช่วยกันสงบสติอารมณ์ได้

เหตุทหารคลั่งยิงเพื่อนตายเจ็บหลายรายครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ก.ย. พ.ต.ท. รามน้อย สายอ๋อง สว. (สอบสวน) สน.ดุสิต รับแจ้งเหตุ ทหารใช้อาวุธปืนยิงเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 1 นาย ภายในกรมยุทธศึกษาทหารบก ถนนเทอดดำริ แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต รายงานผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. และ พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. ขณะนั้นผู้ก่อเหตุทราบชื่อ จ.ส.อ.ยงยุทธ มังกรกิม อายุ 58 ปี ยังเดินงุ่นง่านอยู่ริมรั้วในกรมยุทธศึกษา ทหารบก มือซ้ายยังถือปืนที่ใช้ก่อเหตุ สั่งการให้ปิดถนนเทอดดำริตั้งแต่แยกระนองถึงแยกเศรษฐศิริ ตำรวจเข้าเจรจาจน จ.ส.อ.ยงยุทธ ยอมถอดแมกกาซีนจากปืนและสไลด์กระสุนค้างในลำกล้องทิ้งยืนมอบตัว คุมตัวไปสงบสติอารมณ์ภายในตัวอาคาร

...

เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบ จุดเกิดเหตุภายในอาคารวิทยาลัยการทัพบก กองธุรการ กรมยุทธศึกษาทหารบก (กอง ธก.วทบ.) เป็นห้องทำงานเอกสารมีโต๊ะทำงานเรียงรายอยู่ 9 ตัว กลางห้อง พบศพ จ.ส.อ.นพรัตน์ อินทสุนทร อายุ 58 ปี เสมียน วทบ. สวมเสื้อเหลือง กางเกงขายาว นอนหงายถูกยิง ที่ศีรษะขวาทะลุซ้าย 2 นัด เสียชีวิตข้างโต๊ะทำงาน นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อ จ.ส.อ.ประการ สินส่ง อายุ 46 ปี เสมียน วทบ. ถูกยิงที่ศีรษะเช่นกัน นำส่ง รพ.วชิรพยาบาล แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนเหยื่อรายสุดท้ายคือ จ.ส.อ.ยงยุทธ์ ปัญญานุวัฒน์ เสมียน วทบ.ถูกยิงแขนซ้ายนำส่ง รพ.วชิรพยาบาล

ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เผยว่า ช่วง 9 โมงเช้า ตำรวจ 191 และ ตำรวจ สน.ดุสิต รับแจ้งเหตุผู้ใช้อาวุธปืนยิงในหน่วยทหารมีคนเจ็บและเสียชีวิต หลังจากนั้น 10 นาทีตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุชุดแรกพบผู้ก่อเหตุเป็นทหาร เจรจาเกลี้ยกล่อมให้มอบตัวนานเกือบ 2 ชม. บริเวณริมรั้วด้านในกองธุรการกรมยุทธศึกษาทหารบก หลังเจรจาสามารถคุมสถานการณ์ได้ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่าใช้ปืน 9 มม.มีผู้เสียชีวิต 2 นาย ในที่เกิดเหตุ 1 นาย ที่โรงพยาบาล 1 นาย อีกคนแค่บาดเจ็บ สำหรับแรง จูงใจอยู่ระหว่างสอบสวนร่วมกับนายทหารพระธรรมนูญ ส่วนกระแสข่าวว่าจะยิงเพื่อนร่วมงานให้ครบ 10 คนเจ้าตัวยังให้การวกวน ส่วนเรื่องอาการป่วยทางจิตต้องรอตรวจสอบ ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง การดำเนินคดีเบื้องต้น สอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่าจะคุมตัวผู้ก่อเหตุไปยัง สน.ดุสิต เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียด

ที่ สน.ดุสิต เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำแผงเหล็กมากั้นทางเข้าออกโรงพัก ไม่อนุญาตให้ สื่อมวลชนเข้าพื้นที่เด็ดขาด หลังคุมตัว จ.ส.อ.ยงยุทธ มาสอบสวน จากนั้นภรรยาพร้อมลูกชายลูกสาว จ.ส.อ. ยงยุทธนำเอกสารการรักษาพยาบาลหน้าแฟ้มเขียนว่า ตารางหมอนัด วิ่งลงจากรถแท็กซี่ขึ้นไปยังบริเวณชั้น 3 ตัวโรงพัก ที่พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต นายทหาร พระธรรมนูญ และผู้บังคับบัญชาระดับสูงกองทัพบกร่วมสอบปากคำ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ

ต่อมา พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก กล่าวหลังเข้าสอบปากคำว่า ผู้ก่อเหตุเพิ่งเข้ามาทำงาน แต่ผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บกำลังนั่งทำงานกันอยู่ จู่ๆหยิบปืน จากกระเป๋าที่ลักลอบเอาเข้ามายิงทันที ทั้งที่ไม่มีการพูดคุยหรือมีปากเสียง สาเหตุมาจากอาการป่วยทางสมองที่เคยผ่าตัดหลังประสบอุบัติเหตุบนถนนเมื่อปี 59 ฐานะทางบ้านปกติดี ไม่มีหนี้สิน เกิดจากสภาพของสมองไม่ปกติ และความน้อยใจที่เคยร้องขอ อุปกรณ์สำนักงาน อาทิ คอกกั้น แผงกั้น แต่ผู้บังคับ บัญชามองว่าเกินความจำเป็น พอสะสมนานเข้าเกิด คิดมาก ประกอบกับเป็นคนความคิดรุนแรง อารมณ์ร้อน ฉุนเฉียวง่าย เคยทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว รวมถึง มีปัญหากับเพื่อนบ้านหลังเกิดอุบัติเหตุมา การสอบปากคำเป็นไปอย่างลำบากเนื่องจากอารมณ์ค่อนข้างไม่ปกติ ต้องพูดคุยผ่านลูกเท่านั้น จะประสานแพทย์ให้ มาตรวจสภาพสมองกับสภาพจิตใจก่อนฝากขังศาล ทหารต่อไป

หลังจากนั้น พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวหลังเข้าร่วมสังเกตการณ์ผู้ต้องหาว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหากว่า 7 ชม. ตอนนี้ผู้ต้องหายังให้การวกวนเเละสับสนในข้อเท็จจริง เบื้องต้นสอบปากคำไปกว่า 10 ปากทั้งเพื่อนร่วมงานและครอบครัวให้การเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากนี้ จะเชิญแพทย์ที่เคยให้การรักษาอาการทางสมองมาสอบปากคำ เพื่อประกอบการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากมีการกล่าวอ้างถึงประวัติการรักษา ขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ผู้ต้องหามีอาการทางจิตหรือไม่ ตอนนี้ผู้ต้องหาต้องอยู่ในความดูแลตำรวจมีอำนาจควบคุมตัว 48 ชม. ก่อนนำตัวฝากขังศาลทหาร พนักงานสอบสวนมีเวลา 84 วันสรุปสำนวนส่งอัยการศาลทหาร

...

มีรายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง รอง ผบก.น.1 สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบข้อมูลการเข้ารับผ่าตัดเปิดกะโหลกเมื่อปี 59 หลังประสบอุบัติเหตุทำให้มีอาการกระทบกระเทือนทางสมอง ก้าวร้าวกับครอบครัว เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาหลังผ่าตัดมาตั้งแต่ปี 62 นอกจากนี้ยังพกพาอาวุธปืนไปในที่ทำงาน หัวหน้างานจึงให้มาอยู่ประจำ ทำงานแยกจากคนอื่นจนเกิดเหตุ นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย. พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.เดินทางไปเป็นประธานพิธีปิดการฝึกอบรมหลักสูตรหลักประจำ วทบ.ชุดที่ 67 ที่วิทยาลัยการทัพบก ในวันดังกล่าว จ.ส.อ.ยงยุทธ แสดงอาการแต่ยังพูดคุยให้สงบสติอารมณ์ได้

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง ฐานะโฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยว่า รัฐบาลแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลผู้บาดเจ็บอย่างดีที่สุด และดำเนินการจัดงานศพผู้เสียชีวิตตามระเบียบราชการ รวมทั้งให้เร่งสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุแรงจูงใจ และเน้นย้ำให้ผู้บังคับบัญชาดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา คอยสอบถามความเป็นอยู่ กำชับมาตรการรักษาความปลอดภัยของหน่วยอย่างเคร่งครัด

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวว่า ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ส่วนสาเหตุตนก็ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้รับรายงานรายละเอียด ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องอาวุธประจำกายของทหารหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คนที่จะพกปืนเราไม่รู้ได้ว่าใครพกบ้าง ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูแล โดยเฉพาะการเดินทางเข้าทำงาน เป็นเรื่องของแต่ละหน่วยงาน ถามว่าจะหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอย่างไร พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า แล้วจะให้ป้องกันอย่างไร ช่วยบอกวิธีการมาหน่อย

...