เลขาธิการ สทนช.เตรียมสรุปแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี เสนอ กนช.พิจารณาภายในเดือน ต.ค.นี้ หลังเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนทั่วประเทศเสร็จเรียบร้อย เชื่อมั่นเป็นแผนแม่บทน้ำ "ถูกที่ถูกเวลา ถูกคน"
เมื่อวันที่ 9 ก.ย.65 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมปัจฉิมนิเทศ ร่วมกับหน่วยงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย "โครงการศึกษาปรับปรุงกรอบแนวทางและค่าเป้าหมายแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ 20 ปี" โดยมีผู้บริหารสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ผู้แทนหน่วยงานด้านน้ำ คณะกรรมการลุ่มน้ำทั้ง 22 ลุ่มน้ำ ที่ปรึกษาโครงการฯจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
โดย ดร.สุรสีห์ เปิดเผยว่า สทนช.ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในระดับพื้นที่รวม 7 พื้นที่ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 22 ส.ค.-2 ก.ย.2565 ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคใต้ตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคเหนือ ครอบคลุมทั้ง 22 ลุ่มน้ำ เพื่อรับฟังปัญหาด้านน้ำในแต่ละพื้นที่และข้อเสนอแนะต่างๆ จากคณะกรรมการลุ่มน้ำ องค์กรผู้ใช้น้ำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านน้ำในระดับพื้นที่ และภาคประชาชน สำหรับนำมาปรับปรุงแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และความต้องการของประชาชนมากที่สุด
จากการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้แทนคณะกรรมการลุ่มน้ำ 22 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลจากประชาชนในแต่ละลุ่มน้ำ ที่สะท้อนปัญหาและให้ความคิดเห็นในแต่ละประเด็น ทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ 1.การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค 2.การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต (เกษตร/อุตสาหกรรม) 3.การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย 4.การอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรน้ำ 5.การบริหารจัดการ สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในทุกระดับ เพื่อจัดทำกรอบแนวทางและค่าเป้าหมายแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ 20 ปี ในช่วงปี 2566-2580 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.2565 จากนั้นจะนําเสนอต่อคณะกรรมการน้ำแห่งชาติ (กนช.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบในเดือน ต.ค.2565 และประกาศใช้เพื่อเป็นกรอบแนวทางเป้าหมาย ในการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านน้ำ และเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับดำเนินการจัดทำแผนแม่บทลุ่มน้ำ ที่สะท้อนกับประเด็นปัญหาของพื้นที่ลุ่มน้ำในลำดับต่อไป
...
"แผนแม่บทฯน้ำฉบับใหม่นี้ มีการปรับปรุงหลายอย่างให้ทันสมัยและครอบคลุมรอบด้าน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหรือความท้าทายใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ที่สำคัญคือต้องการผลักดันให้ภาคประชาชนและท้องถิ่น เข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการน้ำมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้ใช้น้ำจากทั่วประเทศ ทำให้ได้ทราบถึงความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถนำไปกำหนดแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น เพราะเป็นการร่วมมือกันออกแบบระหว่างหน่วยงานรัฐและภาคประชาชน จึงเป็นแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปีที่เรียกว่า ถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน" ดร.สุรสีห์ กล่าว
ดร.สุรสีห์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ผลการประชุมกลุ่มย่อยทั้ง 22 ลุ่มน้ำ พบว่าประเด็นที่เจอแต่ละพื้นที่ มีลักษณะปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ลุ่มน้ำ โดยสรุปแล้วส่วนใหญ่จะมีความต้องการคล้ายคลึงกันในแผนบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภค ประชาชนต้องการให้มีการควบคุมคุณภาพน้ำ จัดการน้ำกินน้ำใช้ให้เพียงพอต่อความต้องการ เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพประปาหมู่บ้าน และการบริหารจัดการ โดยสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในทุกระดับ ประชาชนต้องการมีบทบาทในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ของตนเอง โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนข้อมูล เครื่องมือ และงบประมาณให้กับท้องถิ่น ในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับน้ำ ซึ่งข้อคิดเห็นต่างๆ เหล่านี้จะถูกนํามาพิจารณาอยู่ในแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี ฉบับปรับปรุง ร่วมกับประเด็นที่เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ของสถานการณ์ทั้งในประเทศและสถานการณ์โลก อาทิ สถานการณ์โควิด-19 ทำให้แรงงานคืนถิ่นนําไปสู่ความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งน้ำกิน น้ำใช้ และน้ำเพื่อการเกษตร เพื่อสร้างรายได้รองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำและภัยธรรมชาติ ที่ทำให้เกิดภัยพิบัติด้านน้ำรุนแรงขึ้น การใช้ข้อมูลเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) การแก้ปัญหาโดยวิธีธรรมชาติ (natural-based solution) การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมควบคู่กับการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรน้ำ การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เอกชนและทุกภาคส่วนได้อย่างแท้จริง