เรื่องราวที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับชีวิตเด็กหญิงไทยอายุ 18 ปี มาศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษช่วงพักเทอม ผู้ปกครองเลือกบริการโดยสารสายการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 911 จากประเทศอังกฤษถึงประเทศไทยช่วงเช้าวันที่ 31 ก.ค.

ด้วยเชื่อมั่นสายการบินคนไทย

หลังเครื่องบินขึ้นได้ไม่นานมีชายสูงอายุชาวต่างชาติที่มีอาวุโสตะโกนเสียงดังลั่นเครื่องว่า มีชายชาวต่างชาติวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นั่งช่วยเหลือตัวเอง คนที่อยู่บนเครื่องต่างหันมามอง แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่การบินไทยสนใจทำอะไร ชาวต่างชาติคนนั้นนั่งตรงกลางระหว่างชาวต่างชาติที่ตะโกนและเด็กหญิงไทยอายุ 18 ปี

เว้นเวลาห่างไม่นาน ฝรั่งคนเดิมพยายามช่วยเหลือตัวเองบนเครื่องอีก ครั้งนี้เด็กหญิงไทยที่นั่งข้างเห็นเหตุการณ์รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น รีบเดินเข้าไปร้องขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่การบินไทยบนเครื่องบิน

บอกเล่าถึงพฤติกรรมของฝรั่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ขอสลับย้ายที่นั่งให้พ้นจากที่นั่งเดิมที่คิดว่าไม่ปลอดภัย

เจ้าหน้าที่การบินไทยบอกง่ายๆว่า ที่นั่งบนเครื่องบินเต็มย้ายไม่ได้ เด็กหญิงพยายามขอร้องจะให้ย้ายไปนั่งที่ไหนก็ได้หรือขอเพิ่มจ่ายเงินอัปไปนั่งขึ้นเป็นชั้นธุรกิจอะไรก็ได้ ไม่อยากต้องทนนั่งอยู่ข้างๆฝรั่งโรคจิต เพราะ ไม่มั่นใจความปลอดภัย เจ้าหน้าที่การบินไทยบนเครื่องไม่ได้แสดงความรับผิดชอบหรือหาทางช่วยเหลือสภาพจิตใจของเด็กไทยที่เจอความเลวร้ายที่สุดจากฝรั่งโรคจิตบนเครื่องบิน ไม่ได้คิดปกป้องผู้โดยสารเด็กคนไทยบนเครื่อง

ไม่คิดเข้าไปว่ากล่าวตักเตือนหรือแสดงให้ฝรั่งชั่วรู้สึกตัวกับสิ่งที่ได้ทำลงไปบนเครื่องบิน เข้าข่ายกระทำ “อนาจาร” ต้องถูกดำเนินคดี สุดท้ายเด็กผู้หญิงและชาวต่างชาติทนนั่งประกบอยู่ข้างฝรั่งโรคจิต

...

ด้วยความหวาดระแวงกว่า 11 ชั่วโมงจนเครื่องลงที่สนามบินสุวรรณภูมิและเจ้าหน้าที่การบินไทยไม่ได้แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ ตม.ไทย ที่อยู่สนามบินให้ทราบถึงพฤติกรรมของชายชาวต่างชาติที่ส่อเค้าเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา

เป็นฝันร้ายเด็กหญิงไทย

แต่น่าเสียใจกับการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การบินไทยที่ปฏิบัติต่อผู้โดยสารคนไทยด้วยกัน ทั้งที่ผู้ปกครองของเด็กหญิงเลือกใช้บริการสายการบินของคนไทยด้วยความเชื่อมั่นและคาดหวังว่าจะได้รับการดูแล เพราะเด็กนักเรียนจะต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาไทย แลกกับการจ่ายค่าตั๋วเดินทางที่แพงกว่าสายการบินอื่นๆ

ทั้งที่เด็กหญิงคนไทยตกเป็นเหยื่อฝรั่งโรคจิต สมควรจะได้รับการปกป้องและดูแลให้ดีกว่านี้

หากย้อนถามว่า ถ้าวันนั้นเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเครื่องบินเป็นลูกหลานผู้หลักผู้ใหญ่คนที่ทำงานอยู่ในสายการบินไทยหรือพนักงานต้อนรับผู้หญิงหรือผู้ชายที่อยู่บนเครื่องพบเจอเหตุการณ์ด้วยตัวเอง จะยอมนั่งหรือปล่อยให้ลูกหลานผู้ใหญ่ต้องทนนั่งอยู่ที่เดิมกับฝรั่งโรคจิตเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนนี้หรือไม่

เป็นอุทาหรณ์คนที่ต้องเดินทาง.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th